คู่มือ
การเติบโตของแบรนด์
ความหมาย กลยุทธ์ ตัวอย่าง
การเติบโตของแบรนด์เป็นกระบวนการเชิงกลยุทธ์ในการดึงดูดลูกค้าใหม่ โดยการขยายการรับรู้ของธุรกิจและกระชับความสัมพันธ์กับลูกค้าที่มีอยู่ ซึ่งจะเกี่ยวข้องกับวิธีการต่าง ๆ ในการสร้างภาพลักษณ์และวางตำแหน่งของคุณภายในอุตสาหกรรมหรือในหมวดหมู่
เริ่มใช้ Amazon Ads เพื่อแสดงสินค้าและสร้างแคมเปญของคุณ
หากคุณมีประสบการณ์จำกัด โปรดติดต่อเราเพื่อขอรับบริการแบบมีการจัดการโดย Amazon Ads มีข้อกำหนดด้านงบประมาณขั้นต่ำ
สร้างโฆษณาที่มีส่วนร่วมเพื่อช่วยดึงดูดความสนใจของลูกค้า
Sponsored Display เป็นโซลูชันการโฆษณาดิสเพลย์ที่ออกแบบมาสำหรับธุรกิจทุกประเภทไม่ว่าธุรกิจนั้นจะจำหน่ายสินค้าใน Amazon Store หรือไม่ก็ตาม
การเติบโตของแบรนด์คืออะไร
การเติบโตของแบรนด์เป็นกระบวนการขยายการเข้าถึงและผลกระทบของแบรนด์ในช่วงเวลาหนึ่ง โดยเกี่ยวข้องกับการเพิ่มการรับรู้ การเสริมสร้างความภักดี และการมีส่วนร่วมกับกลุ่มเป้าหมายใหม่ ๆ ผ่านการโฆษณาเชิงนวัตกรรม การพัฒนาสินค้า และประสบการณ์ของลูกค้าที่ได้รับการปรับปรุง ด้วยการใช้ช่องทางต่าง ๆ รวมถึงโซลูชันโฆษณาของ Amazon Ads คุณจะสามารถสร้างเรื่องราวของแบรนด์ที่สอดคล้องกันและตรงใจกลุ่มเป้าหมายสำคัญของคุณได้ การเติบโตของแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จมักนำไปสู่คุณค่าของแบรนด์ที่ได้รับการปรับปรุงและยอดขายที่เพิ่มขึ้น กระบวนการนี้ต้องใช้ความพยายามอย่างต่อเนื่องและแนวทางที่ให้ความสำคัญกับลูกค้าเป็นอันดับแรก เพื่อสร้างการเชื่อมต่อที่ยั่งยืนกับกลุ่มเป้าหมายที่เกี่ยวข้องของคุณ
กลยุทธ์การเติบโตของแบรนด์คืออะไร
กลยุทธ์การเติบโตของแบรนด์คือแผนที่ครอบคลุม เพื่อการเชื่อมต่อและมีส่วนร่วมกับกลุ่มเป้าหมายที่ใหญ่ขึ้น และเพิ่มคุณค่าของแบรนด์ในช่วงเวลาหนึ่ง โดยทั่วไปจะเกี่ยวข้องกับการผสมผสานระหว่างการสร้างแบรนด์และความภักดีต่อแบรนด์ ซึ่งมีจุดมุ่งหมายเพื่อเร่งการเติบโตของธุรกิจ กลยุทธ์การเติบโตของแบรนด์ที่มีประสิทธิภาพจะสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ทางธุรกิจโดยรวมของคุณ และใช้ประโยชน์จากช่องทางต่าง ๆ เพื่อสื่อสารคุณค่าของแบรนด์อย่างสม่ำเสมอ ด้วยวิธีนี้คุณสามารถสร้างประสบการณ์ที่มีความหมายสำหรับลูกค้าในทุกจุดที่ลูกค้าเจอสินค้า
ทำไมการพัฒนากลยุทธ์การเติบโตของแบรนด์จึงเป็นสิ่งสำคัญ
กลยุทธ์แบรนด์มีความสำคัญเนื่องจากเป็นการวางรากฐานในการพัฒนาภาพลักษณ์ของคุณในฐานะธุรกิจ กลยุทธ์การเติบโตของแบรนด์ที่แข็งแกร่งช่วยให้คุณสามารถวางตำแหน่งของธุรกิจจากจุดขายที่เป็นเอกลักษณ์ซึ่งทำให้คุณโดดเด่นจากคู่แข่ง จากข้อมูลของ Kantar แบรนด์ที่มีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญต่อผู้คนมากขึ้นนั้น สามารถครองส่วนแบ่งการตลาดได้มากขึ้นถึง 5 เท่าในปัจจุบัน และมีข้อได้เปรียบที่แท้จริงในการเติบโตของส่วนแบ่งการตลาดในอีก 2 ปีข้างหน้า1
วิธีสร้างกลยุทธ์การเติบโตของแบรนด์
การสร้างกลยุทธ์การเติบโตของแบรนด์อย่างครอบคลุมจะพิจารณาปัจจัยหลายประการที่อาจส่งผลต่อความสำเร็จทางธุรกิจในระยะยาวของคุณ โดยประกอบด้วยการผสมผสานแนวทางต่าง ๆ เช่น การพัฒนาแบรนด์ กลยุทธ์ในการเสริมความแข็งแกร่งให้กับตำแหน่งของคุณในหมวดหมู่ การพัฒนาสินค้าใหม่ และการกระจายความหลากหลาย ต่อไปนี้เป็นขั้นตอนสำคัญเจ็ดประการในการสร้างกลยุทธ์การเติบโตของแบรนด์ที่มีประสิทธิภาพ:
ขั้นตอนที่ 1: ระบุกลุ่มเป้าหมายสำคัญของคุณ
ก่อนที่คุณจะสามารถหาวิธีพัฒนาแบรนด์ได้ คุณต้องคิดก่อนว่าแบรนด์นั้นมีไว้เพื่อใคร การระบุตลาดที่สามารถให้บริการได้ จัดการได้ และเข้าถึงได้อย่างชัดเจน หรือกล่าวอีกนัยหนึ่ง กลุ่มเป้าหมายที่คุณกำลังเข้าถึงและกลุ่มเป้าหมายที่คุณสามารถเข้าถึงได้ในอนาคต เป็นขั้นตอนแรกและขั้นตอนที่สำคัญที่สุด ผู้คนต่างตอบสนองต่อน้ำเสียง สุนทรียภาพ ข้อความ และสินค้าที่แตกต่างกัน เจาะลึกกลุ่มเป้าหมายที่คุณต้องการให้บริการ เพื่อทำความเข้าใจลักษณะผู้ซื้อของลูกค้าในอุดมคติของคุณ ข้อมูลนี้จะมีคุณค่าในการสร้างกลยุทธ์ เนื่องจากจะช่วยคุณกำหนดข้อเสนอที่มีคุณค่าและข้อความที่กระตุ้นให้เกิดคอนเวอร์ชัน
ขั้นตอนที่ 2: กำหนดวัตถุประสงค์และตำแหน่งของแบรนด์
ลองพิจารณาดูว่าแบรนด์ของคุณอยู่ตรงจุดไหนในอุตสาหกรรม เริ่มต้นด้วยวัตถุประสงค์หรือพันธกิจเดียวที่อธิบายสิ่งที่คุณต้องการให้ธุรกิจของคุณบรรลุผลสำเร็จอย่างชัดเจน ข้อความนี้จะบอกถึงกิจกรรมอื่น ๆ ของแบรนด์ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ทางธุรกิจในระยะยาว ตลอดจนคุณค่าหลักของแบรนด์ หากคุณมีปัญหาในการสร้างคำแถลงพันธกิจ ลองตอบคำถามพื้นฐานสองสามข้อเกี่ยวกับธุรกิจของคุณ
ตัวอย่างเช่น
- ทำไมถึงก่อตั้งบริษัทของคุณขึ้นมา
- สินค้าหรือบริการของคุณสามารถแก้ปัญหาอะไรได้บ้าง
- เอกลักษณ์ของคุณคืออะไร
- ทำไมลูกค้าควรซื้อจากคุณแทนที่จะเป็นแบรนด์อื่นที่คล้ายกัน
ขั้นตอนที่ 3: สร้างเรื่องราวของแบรนด์
เรื่องราวของแบรนด์ที่โดนใจกลุ่มผู้ซื้อสามารถสร้างความแตกต่างอย่างมากในการกระตุ้นให้เกิดการซื้อซ้ำ เนื่องจากเรื่องราวที่เกี่ยวข้องจะเชื่อมโยงกับผู้คนในระดับบุคคล ไม่เพียงช่วยสร้างความแตกต่างเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความภักดีต่อแบรนด์ด้วย ลูกค้าได้รับข้อความทางการตลาดนับพันข้อความในแต่ละวัน การเล่าเรื่องเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการสร้างช่วงเวลาที่น่าจดจำ ดังนั้นข้อความและแบรนด์ของคุณจึงต้องสร้างความประทับใจไม่รู้ลืม และธุรกิจของคุณต้องเป็นอันดับหนึ่งในใจเมื่อนักช้อปกำลังจะตัดสินใจซื้อ ตรวจสอบว่าเรื่องราวของคุณสอดคล้องกับค่านิยมหลักและพันธกิจของคุณ และถ่ายทอดออกสู่การสื่อสารภายนอกทั้งหมด ตั้งแต่ข้อความในโฆษณาไปจนถึงเนื้อหาบนหน้าแรก
ขั้นตอนที่ 4: สร้างบ้านให้แบรนด์ของคุณ
ไม่ว่าธุรกิจของคุณจะมีขนาดเท่าใด การสร้างพื้นที่ดิจิทัลโดยเฉพาะสำหรับแบรนด์จะทำให้คุณมีสถานที่ที่น่าสนใจในการแนะนำกลุ่มเป้าหมายให้รู้จักเรื่องราว พันธกิจ และสินค้าของคุณ บ้านของแบรนด์จะทำหน้าที่เป็นจุดอ้างอิงสำหรับลูกค้าปัจจุบันและลูกค้าใหม่ และเป็นหน้าต่างสู่ทุกสิ่งที่คุณนำเสนอ สร้างโอกาสในการเชื่อมต่อที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น การเชื่อมโยงดังกล่าวสามารถช่วยให้คุณสร้างความประทับใจผ่านกิจกรรมการตลาดเชิงเนื้อหา และกระตุ้นการซื้อซ้ำผ่านโปรโมชั่นตามฤดูกาลได้ ร้านค้า เป็นวิธีเริ่มต้นและสร้างความภักดีกับนักช้อปนับล้าน คุณสามารถสร้างและดูแลรักษาร้านค้าได้ฟรี โดยไม่จำเป็นต้องโฆษณาบน Amazon เพื่อที่จะสร้างร้านค้า
ขั้นตอนที่ 5: เปลี่ยนผู้เลือกดูให้เป็นผู้ซื้อ
เมื่อถึงจุดนี้ในกระบวนการเติบโตของแบรนด์ คุณควรมีความชัดเจนเกี่ยวกับกลุ่มเป้าหมายในอุดมคติ ข้อความสำคัญและเรื่องราวที่ต้องการบอกเล่า ตลอดจนสถานที่ที่คุณต้องการนำพวกเขาไป นั่นก็คือหน้าร้านของคุณ ปัจจุบันผู้ซื้อต้องพบเจอกับข้อความจากแบรนด์จำนวนมากในแต่ละวัน ทำให้การดึงดูดความสนใจและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่ใช่สำหรับธุรกิจของคุณกลายเป็นเรื่องยากขึ้นกว่าเดิม การใช้โฆษณาดิจิทัลเป็นวิธีหนึ่งที่จะช่วยให้ธุรกิจของคุณปรากฏเป็นแนวหน้าและเป็นศูนย์กลาง Sponsored Brands สามารถช่วยให้คุณโดดเด่นใน Amazon Store และเร่งการเติบโตของยอดขาย โดยการเข้าถึงนักช้อปด้วยชิ้นงานโฆษณาแบบกำหนดเองคุณภาพสูงในตำแหน่งโฆษณาที่โดดเด่น
ขั้นตอนที่ 6: ขยายการเข้าถึงของคุณผ่านการสร้างแบรนด์
ลองคิดว่าการสร้างแบรนด์เป็นวิธีหนึ่งในการแนะนำธุรกิจของคุณสู่ชาวโลก นี่อาจเป็นส่วนที่สำคัญที่สุดของกลยุทธ์การเติบโตของแบรนด์หลังจากเปิดตัวแบรนด์ของคุณ โดยพื้นฐานแล้วจะหมายถึงการเชื่อมต่อกับกลุ่มเป้าหมายของคุณผ่านช่องทางที่เกี่ยวข้องและหลากหลายให้ได้มากที่สุด หัวใจสำคัญของการสร้างแบรนด์คือการใช้แนวทางแบบเต็ม Funnel ที่ครอบคลุมทั้งกระบวนการช้อปปิ้งพร้อมทั้งรู้ว่าจะใช้งบการโฆษณาให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดได้อย่างไร โดยไม่ทำให้กลุ่มเป้าหมายรู้สึกว่าเห็นโฆษณามากเกินไปจนไม่ให้ความสนใจ
ขั้นตอนที่ 7: อย่ากลัวที่จะรีแบรนด์
แม้ความสม่ำเสมอของแบรนด์จะเป็นสิ่งสำคัญสำหรับความมั่นคงและการสร้างความสัมพันธ์ในระยะยาว แต่คุณไม่จำเป็นต้องยึดติดกับกลยุทธ์ที่ไม่ได้ผลอีกต่อไป บางครั้ง การรีแบรนด์อาจเป็นส่วนหนึ่งของการเติบโตอย่างเป็นธรรมชาติ และเป็นทางออกที่เหมาะสมที่สุดในการรักษาความน่าสนใจสำหรับผู้บริโภคเดิมเอาไว้ พร้อมทั้งดึงดูดกลุ่มเป้าหมายใหม่ ๆ ได้อีกด้วย การรีแบรนด์อาจหมายถึงการเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างเช่นการปรับโลโก้ ไปจนถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เช่น โทนสี รูปแบบการสื่อสาร หรือแม้แต่กลุ่มเป้าหมายของแบรนด์ใหม่ทั้งหมด บางครั้งแค่การปรับฟอนต์โลโก้เพียงเล็กน้อยก็สามารถสร้างผลกระทบสำคัญต่อภาพลักษณ์ที่สื่อออกไปสู่สาธารณะได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเป้าหมาย หลักการทั่วไปคือทำการทดสอบก่อนเปิดตัวการรีแบรนด์ ไม่ว่าจะเล็กน้อยแค่ไหนก็ตาม ฟังความคิดเห็นของกลุ่มเป้าหมายผ่านแบบสำรวจความคิดเห็น การรับฟังทางโซเชียล และรีวิวของพวกเขา เพื่อตัดสินใจอย่างมีข้อมูล และใช้รูปแบบ A/B Test แบบง่าย ๆ เพื่อเพิ่มโอกาสในการรีแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จ ซึ่งสามารถทำได้ง่าย ๆ โดยการเปิดตัวโฆษณาที่มีรูปแบบแตกต่างกันในส่วนของชิ้นงานโฆษณา จากนั้นเปรียบเทียบการมีส่วนร่วมเพื่อทำความเข้าใจว่าอะไรดึงดูดกลุ่มเป้าหมายสำคัญของคุณมากที่สุด
ตัวอย่างกลยุทธ์การเติบโตของแบรนด์
กรณีศึกษา
วิธีที่ธุรกิจขนาดเล็กอย่าง CRBN Pickleball ใช้กลยุทธ์แบบเต็ม Funnel เพื่อเพิ่มยอดขาย 14 เท่าในช่วง Prime Day
ในช่วง Prime Day 2024 CRBN Pickleball ซึ่งเป็นแบรนด์ Pickleball ระดับพรีเมียมต้องการขยายแบรนด์และเพิ่มยอดขาย พวกเขาใช้ประโยชน์จากกลยุทธ์แบบเต็ม funnel ที่ผสมผสานกันระหว่าง Sponsored Products, Sponsored Brands และ Amazon Live
กรณีศึกษา
แบรนด์ขนมคีโตเพิ่มความ Oomph! ในกลยุทธ์การตลาดของตนอย่างไรโดยใช้สินค้าที่มีชื่อแบรนด์ Amazon Ads
บริษัทขนมที่เป็นมิตรกับคีโต Oomph! Sweets ต้องการขยายแบรนด์ไปพร้อม ๆ กับเพิ่มการมีส่วนร่วมของลูกค้า ในเดือนพฤศจิกายน 2023 แบรนด์ได้เปิดตัวแคมเปญวิดีโอ Sponsored Brands เพื่อโปรโมตสินค้าใหม่: Indulgent Chews พวกเขาเห็นการค้นหาแบรนด์เพิ่มขึ้น 303% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า2 ในเดือนมกราคม ปี 2024 แบรนด์ได้ดำเนินแคมเปญ สตรีมมิ่งทีวี ซึ่งมีจำนวนการแสดงผลของโฆษณา 1.1 ล้านครั้งภายในหนึ่งเดือนและมีลูกค้าใหม่ของแบรนด์ถึง 96% เมื่อใช้งานร่วมกับ Sponsored Brands

วิธีขยายแบรนด์ของคุณใน Amazon Store และที่อื่น ๆ
ธุรกิจของคุณควรค่าแก่การถูกค้นพบและยกระดับ Amazon Ads สามารถช่วยคุณสร้างหน้าร้านโดยเฉพาะเพื่อบอกเล่าเรื่องราวที่ไม่เหมือนใคร เชื่อมโยงการค้นพบสินค้าเพื่อซื้อ มีส่วนร่วมกับกลุ่มเป้าหมายตลอดกระบวนการช้อปปิ้ง และเข้าถึงลูกค้าใหม่ ๆ ที่เกี่ยวข้องกับคุณและธุรกิจของคุณมากที่สุดต่อไป
- ร้านค้า คือหน้าร้านเฉพาะของคุณที่ช่วยแนะนำแบรนด์ของคุณให้เป็นที่รู้จักทั่วโลก สร้างการเรียนรู้เกี่ยวกับสินค้า และเล่าเรื่องราวที่เป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ผ่านเนื้อหาที่น่าสนใจ เช่น ภาพไลฟ์สไตล์หรือวิดีโอ ทั้งหมดนี้รวมไว้ในที่เดียว เราพบว่านักช้อปที่เข้ามาเยี่ยมชมร้านค้าในระหว่างกระบวนการช้อปปิ้งมีการซื้อสินค้าบ่อยขึ้น 53.9% และมีมูลค่าคำสั่งซื้อเฉลี่ยสูงขึ้น 71.3% เมื่อเทียบกับผู้ที่ไม่ได้เยี่ยมชมร้านค้า3
- Sponsored Products และ Sponsored Brands เป็นโซลูชันการโฆษณาแบบบริการตนเองสองโซลูชันที่ทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ Sponsored Products เป็นโฆษณาชนิดต้นทุนต่อคลิกที่ใช้ง่ายสำหรับผู้เริ่มต้น โดยจะจัดแสดงสินค้าแต่ละรายการใน Amazon Store ตลอดจนแอปและเว็บไซต์ระดับพรีเมียมที่ได้รับการคัดเลือก Sponsored Brands ช่วยจัดแสดงสินค้าทั้งหมดของคุณในตำแหน่งโฆษณาที่โดดเด่นและด้วยชิ้นงานโฆษณาที่สร้างการมีส่วนร่วม การใช้โซลูชันทั้งสองนี้ร่วมกันช่วยเชื่อมโยงการค้นพบสินค้าเข้ากับการซื้อ โดยเฉลี่ย แบรนด์ที่ใช้แคมเปญวิดีโอของ Sponsored Brands และแคมเปญของ Sponsored Products มียอดขายจากที่แสดงโฆษณาเพิ่มขึ้น 39% ในหนึ่งเดือนหลังจากเปิดตัว4
- แคมเปญของ โฆษณาดิสเพลย์ ช่วยเชื่อมโยงธุรกิจของคุณกับลูกค้าทั้งใน Amazon Store และที่อื่น ๆ ผ่านแพลตฟอร์มปลายทางที่ Amazon และบุคคลที่สามเป็นเจ้าของนับพันแห่ง เช่น Prime Video และ Twitch เป็นโซลูชันการโฆษณาที่ออกแบบมาสำหรับทุกคน ไม่ว่าคุณจะขายสินค้าใน Amazon Store หรือไม่ก็ตาม และสามารถช่วยให้คุณค้นพบ เข้าถึง และมีส่วนร่วมกับกลุ่มเป้าหมายที่เหมาะสมในบริบทที่ถูกต้องตลอดกระบวนการช้อปปิ้งของพวกเขา ด้วยคุณสมบัติในตัว เช่น "การควบคุมต้นทุน" ช่วยให้คุณสามารถปรับแต่งการใช้จ่ายด้านการโฆษณาให้เหมาะกับวัตถุประสงค์ทางธุรกิจได้เองโดยอัตโนมัติผ่านโมเดลแมชชีนเลิร์นนิ่ง
- สตรีมมิ่งทีวี สามารถช่วยให้คุณเข้าถึงและสร้างแรงบันดาลใจให้กับกลุ่มเป้าหมายบนหน้าจอขนาดใหญ่ที่สุดในบ้าน เป็นโซลูชันการโฆษณาแบบบริการตนเองที่รองรับแบรนด์ทุกขนาด โฆษณาสตรีมมิ่งทีวีเหล่านี้ทำงานโดยใช้สัญญาณการช้อปปิ้งและสตรีมมิ่งจากบุคคลที่หนึ่งนับพันล้านรายการ ช่วยให้แบรนด์ของคุณเชื่อมต่อกับผู้ชมที่เหมาะสม ในเวลาที่เหมาะสมบนบริการสตรีมมิ่งอย่าง Twitch
คุณจะวัดผลการเติบโตของแบรนด์ได้อย่างไร
การเติบโตของแบรนด์สามารถวัดผลได้หลายวิธี ขึ้นอยู่กับเป้าหมายที่คุณต้องการบรรลุ เช่น เพิ่มการรับรู้ของแบรนด์ การพิจารณาซื้อ การตัดสินใจซื้อ หรือความภักดีต่อแบรนด์ รวมถึงช่องทางที่คุณเลือกใช้ในการดำเนินการ ตัวชี้วัดที่ใช้กันทั่วไปบางส่วน ได้แก่ จำนวนการเข้าชมเว็บไซต์และจำนวนการเข้าชมจากการอ้างอิง (ไม่ว่าจะเป็นแบบออร์แกนิกหรือผ่านสื่อโฆษณาที่ต้องจ่ายเงิน), การมีส่วนร่วมบนโซเชียลมีเดีย, Share of voice, การเติบโตของยอดขาย, การซื้อซ้ำ และมูลค่าตลอดช่วงชีวิตของลูกค้า (CLV) ซึ่งหมายถึงจำนวนเงินทั้งหมดที่คุณได้รับจากลูกค้าคนหนึ่งตลอดความสัมพันธ์ของเขากับคุณ สิ่งสำคัญคือการประเมินตัวชี้วัดเหล่านี้เมื่อเวลาผ่านไป และตรวจสอบเป็นประจำเพื่อทำความเข้าใจว่าอะไรได้ผลดีและอะไรที่ไม่ดี ใช้การเรียนรู้เพื่อปรับกลยุทธ์ของคุณให้เหมาะสม
Amazon Ads สามารถช่วยคุณในการตัดสินใจทางการตลาดโดยมีข้อมูลครบถ้วน โดยใช้การตรวจวัดและการวิเคราะห์ที่เข้าใจง่ายและช่วยให้คุณวัดคุณค่าของแบรนด์ออกมาเป็นตัวเลขได้ ตัวชี้วัดที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ ยอดคลิก ส่วนแบ่งจำนวนการแสดงผลของโฆษณาที่ด้านบนของการค้นหา ตัวชี้วัดลูกค้าใหม่ของแบรนด์ที่วัดคำสั่งซื้อและยอดขายสินค้าที่เกิดจากลูกค้าใหม่ การซื้อซ้ำ จำนวนการแสดงผลของโฆษณาที่สามารถดูได้ การค้นหาแบรนด์ ผลตอบแทนการใช้จ่ายค่าโฆษณา (ROAS) และการยกระดับแบรนด์ Amazon ซึ่งให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับผลกระทบของแคมเปญในบริบทของวัตถุประสงค์ทางธุรกิจของคุณ วิเคราะห์ตัวชี้วัดเหล่านี้อย่างสม่ำเสมอ เพื่อประเมินการเติบโตของแบรนด์และตัดสินใจอย่างทันท่วงทีในการปรับปรุงประสิทธิภาพ
คำถามที่พบบ่อย
การเติบโตของมูลค่าแบรนด์ คือการเพิ่มขึ้นของมูลค่าที่เป็นตัวเงินของแบรนด์ และการพัฒนาการรับรู้ของผู้บริโภคเมื่อเวลาผ่านไป ตัวชี้วัดนี้สะท้อนให้เห็นว่าแบรนด์ของคุณมีมูลค่าเพิ่มมากขึ้นเพียงใด นอกเหนือจากทรัพย์สินทางกายภาพ
วิสัยทัศน์การเติบโตของแบรนด์ เป็นแผนกลยุทธ์ระยะยาวที่จะกำหนดว่าธุรกิจมีเป้าหมายที่จะขยายและสร้างความแข็งแกร่งให้แบรนด์ของตนอย่างไร โดยทั่วไปจะรวมถึงเป้าหมายเพื่อการรับรู้ของแบรนด์และความภักดี
การเติบโตที่ขับเคลื่อนด้วยแบรนด์คือกลยุทธ์ที่ให้ความสำคัญกับการสร้างและใช้ประโยชน์จากอัตลักษณ์ของแบรนด์ที่แข็งแกร่งเพื่อผลักดันการขยายธุรกิจ โดยมุ่งเน้นที่การสร้างการเชื่อมต่อทางอารมณ์กับลูกค้าเพื่อสร้างความภักดีและดึงดูดธุรกิจใหม่ ๆ
แผนการเติบโตเป็นเอกสารเชิงกลยุทธ์ที่จะกำหนดสิ่งที่ต้องทำ วัตถุประสงค์ และตารางเวลาเพื่อการขยายธุรกิจ โดยครอบคลุมในด้านต่าง ๆ เช่น การขยายธุรกิจ การพัฒนาสินค้า และเป้าหมายด้านรายได้ เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการตลาดเพื่อการเติบโต
ในการเขียนแผนการเติบโต ให้เริ่มต้นด้วยการกำหนดวัตถุประสงค์ที่ชัดเจน วิเคราะห์สถานะปัจจุบันของคุณในอุตสาหกรรมหรือหมวดหมู่สินค้าของคุณ มองหาโอกาสในการเติบโตและกลยุทธ์ที่เกี่ยวข้อง กำหนดเป้าหมายที่วัดผลได้ และสร้างไทม์ไลน์การดำเนินงาน
โดยทั่วไปการสร้างแบรนด์จะใช้เวลา 1-5 ปีจึงจะได้รับการยอมรับ แต่ระยะเวลาอาจแตกต่างกันอย่างมาก ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ เช่น อุตสาหกรรม งบประมาณการตลาด และกลยุทธ์ ความพยายามอย่างต่อเนื่องในระยะยาวคือกุญแจสำคัญ
ค่าใช้จ่ายในการสร้างแบรนด์อาจเริ่มตั้งแต่ไม่กี่พันดอลลาร์สำหรับธุรกิจขนาดเล็ก ไปจนถึงหลายล้านดอลลาร์สำหรับบริษัทขนาดใหญ่ ปัจจัยที่มีผลต่อค่าใช้จ่าย ได้แก่ การวิจัยตลาด การออกแบบภาพลักษณ์ของแบรนด์ การโฆษณา และความพยายามทางการตลาดที่กำลังดำเนินการอยู่ Amazon Ads มอบเครื่องมือโซลูชันที่สร้างสรรค์ ซึ่งสามารถช่วยลดต้นทุนบางส่วนได้ ในขณะที่ยังคงรักษาและเสริมความโดดเด่นให้กับเอกลักษณ์ของแบรนด์คุณได้อย่างมีประสิทธิภาพ
หากคุณมีประสบการณ์จำกัด โปรดติดต่อเราเพื่อขอรับบริการแบบมีการจัดการโดย Amazon Ads มีการกำหนดงบประมาณขั้นต่ำ
ทรัพยากรเพิ่มเติม
ที่มา
1พิมพ์เขียวสำหรับการเติบโตของแบรนด์: นักการตลาดจะสร้างอิทธิพลต่อรายได้และกำไรได้อย่างไร, Kantar, 2024
2 ที่มา: Oomph! Sweets, สหรัฐอเมริกา, 2024
3ข้อมูลภายใน Amazon, ทั่วโลก, 2024
4ข้อมูลภายใน Amazon, ทั่วโลก, สิงหาคม 2022 - กรกฎาคม 2023 ผู้โฆษณาใช้จ่ายอย่างน้อย 100 ดอลลาร์ในช่วงเวลาศึกษา