คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ
Ad Intel: 5 เคล็ดลับการโฆษณาในช่วงงานกิจกรรมการช้อปของ Amazon จาก Nectar

22 กรกฎาคม 2025 | Jason Landro, ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม, Nectar
Ad Intel
Ad Intel
ต้องการเพิ่มระดับการโฆษณาของคุณหรือไม่ ยินดีต้อนรับสู่ Ad Intel แหล่งรวมความรู้จากผู้เชี่ยวชาญด้านการโฆษณาที่จะมาแบ่งปันข้อมูลเชิงลึกจากประสบการณ์จริง กลยุทธ์อันแยบยล และมุมมองในทุกเรื่อง ตั้งแต่การสร้างแคมเปญที่ดึงดูดใจไปจนถึงการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรม
ปลดล็อกการเติบโตอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปีจากช่วงเวลาช้อปปิ้งสำคัญของ Amazon อย่าง Prime Day, Prime Big Deals Day และช่วงเทศกาลวันหยุดไตรมาส 4 (Black Friday, Cyber Monday) ด้วยการขยายกลยุทธ์การโฆษณาให้ครอบคลุมมากกว่าวันจัดกิจกรรมเท่านั้น ช่วยเพิ่มกำไรด้วยการจัดการ 3 ช่วงเวลาสำคัญอย่างแม่นยำ ตั้งแต่การเตรียมตัวอย่างชาญฉลาด การปรับเปลี่ยนอย่างรวดเร็วระหว่างช่วงกิจกรรม และการติดตามผลอย่างเข้มข้นหลังจบกิจกรรม เคล็ดลับจากผู้เชี่ยวชาญทั้งห้าข้อนี้จะช่วยให้คุณสร้างกลยุทธ์การโฆษณาสำหรับอีเว้นต์ ซึ่งขับเคลื่อนการเติบโตระยะยาว ด้วยการใช้ข้อมูลเชิงลึกอย่างมีประสิทธิภาพ จังหวะเวลาที่แม่นยำ และการทดสอบอย่างต่อเนื่อง
1. พัฒนากลยุทธ์ช่วงก่อนอีเว้นต์
ก่อนเริ่มงาน ผู้โฆษณาควรเน้นกลยุทธ์ช่วงก่อนอีเว้นต์ที่ช่วยเก็บข้อมูลเชิงลึกสำคัญ และเริ่มสร้างอันดับสินค้า เพื่อเตรียมความพร้อมให้สินค้าโดดเด่นและมียอดขายสูงขึ้น
ช่วงแรกคือการเก็บข้อมูลเชิงลึกเพื่อสร้างประสิทธิภาพพื้นฐานที่แข็งแกร่งก่อนอีเว้นต์หลัก เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพพื้นฐานด้านยอดขาย ต้นทุนต่อคลิก (CPC) ในอดีต และความเร็วในการขายสินค้า กระบวนการนี้จะช่วยระบุสินค้าที่มีศักยภาพสูงของคุณ (ซึ่งมักพิจารณาจากสินค้าขายดีปัจจุบันและหมวดหมู่หรือสินค้าที่มีแนวโน้มสูงสุดจากข้อมูลเชิงลึกในอดีต)
เพื่อสร้างการมองเห็นตั้งแต่ต้นกับนักช้อปหน้าใหม่ ลองใช้โซลูชันอย่าง Sponsored Brands, Sponsored Display หรือจะลองใช้ Amazon DSP ก็ได้ พร้อมกันนั้น ลองเพิ่มการลงทุนในการกำหนดเป้าหมาย Sponsored Products โดยมุ่งเน้นคีย์เวิร์ดที่มีปริมาณค้นหาสูงและเกี่ยวข้องกับหมวดหมู่สินค้า เพื่อเสริมอันดับออร์แกนิกให้แข็งแกร่งขึ้น การปรับแต่งรายการสินค้าในช่วงแรกก็สำคัญมาก เพื่อให้มีสินค้าพร้อมสำหรับการค้าปลีกและเพิ่มโอกาสเกิดคอนเวอร์ชัน ช่วงนี้ช่วยให้คุณเก็บข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับคีย์เวิร์ด พฤติกรรมกลุ่มเป้าหมาย และสัญญาณการมีส่วนร่วม ซึ่งมีค่ายิ่งสำหรับการปรับแต่งในขั้นตอนถัดไป
การดำเนินการสำคัญที่ต้องทำ
- ทำการทดสอบ A/B กับชิ้นงานโฆษณาสร้างสรรค์และคีย์เวิร์ด เพื่อหาชุดการจับคู่ที่ให้ผลลัพธ์ดีที่สุด
- ปรับแต่งการทำตลาดซ้ำตามเซ็กเมนต์กลุ่มเป้าหมาย (เช่น เพศ อายุ ความสนใจ และพฤติกรรมการช้อปปิ้ง)
- ให้ความสำคัญในการใช้งบประมาณกับสินค้าที่มีศักยภาพสูง เพื่อให้ได้อันดับแบบออร์แกนิกที่สูงขึ้นก่อนถึงวันจัดอีเว้นต์
2. กำหนดความสำเร็จนอกเหนือจาก ROAS
แม้ว่ายอดขายและผลตอบแทนจากค่าโฆษณา (ROAS) จะสำคัญในช่วงพีคอีเวนต์ แต่ตัวชี้วัดเหล่านี้ไม่ได้สะท้อนเรื่องราวทั้งหมด กำหนดความสำเร็จจากการมีส่วนร่วมต่อสถานะโดยรวมของธุรกิจ ด้วยเป้าหมายที่ชัดเจนและตรวจวัดได้ รวมถึงตัวชี้วัดด้านความสามารถในการทำกำไร เช่น เป้าหมายอัตรากำไรขั้นต้นหรือกำไรสุทธิสำหรับ ASIN ที่โปรโมต พิจารณาวัตถุประสงค์เชิงกลยุทธ์ เช่น การหาลูกค้าใหม่ของแบรนด์ (NTB) โดยมีต้นทุนในการหาลูกค้า (CAC) ที่ยั่งยืน การติดตามความเร็วในการขายและ CPC สามารถให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการใช้จ่ายของคุณ ควบคู่ไปกับอัตราคอนเวอร์ชันของสินค้าแต่ละรายการ เพื่อระบุโอกาสเพิ่มเติม
วิเคราะห์ผลการดำเนินงานจากกิจกรรมที่ผ่านมาให้ลึกไปกว่าการพุ่งขึ้นของยอดขาย เพื่อเข้าใจถึงกำไรที่เพิ่มขึ้นจริงและมูลค่าลูกค้าในระยะยาว (CLTV ซึ่งสามารถดูได้ในระบบคลาวด์การตลาดของ Amazon) รวมถึงการเติบโตจากลูกค้าใหม่ของแบรนด์ (NTB) และพฤติกรรมการซื้อซ้ำของพวกเขาในระยะยาว วิเคราะห์ว่าแคมเปญการทำตลาดซ้ำของคุณช่วยผลักดันผู้ใช้ผ่าน Funnel ไปจนถึงคอนเวอร์ชันได้อย่างไร และดูการเพิ่มขึ้นของสัดส่วนการซื้อในหมวดหมู่ของคุณ แบรนด์สินค้าอุปโภคบริโภคแบรนด์หนึ่งเปลี่ยนกลยุทธ์จากการระบุเป้าหมาย ROAS ที่ 4 เท่าในช่วง Prime Day มาให้ความสำคัญกับอัตรากำไรต่อหน่วยและเป้าหมาย CAC ของลูกค้า NTB โดยเฉพาะ1 ถึงแม้ ROAS โดยรวมจะลดลงเล็กน้อยมาอยู่ที่ 3.8 เท่า แต่การเน้น ASIN ที่มีอัตรากำไรสูงกว่าทำให้มีส่วนร่วมในกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 15% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา2
3. วิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกตามเวลาจริง
ในช่วงอีเว้นต์ ผู้โฆษณาควรติดตามตัวชี้วัดประสิทธิภาพหลัก (KPI) ตามเวลาจริงอย่างใกล้ชิด เพื่อปรับเปลี่ยนและเพิ่มประสิทธิภาพแคมเปญตามข้อมูลเชิงลึกที่เกิดขึ้นระหว่างอีเว้นต์
อีเว้นต์ของ Amazon มอบฟีดแบ็กที่รวดเร็ว ต่างจากการตลาดแบบดั้งเดิม คุณจึงสามารถระบุแนวโน้มต่าง ๆ การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมาย และคีย์เวิร์ดหรือโฆษณาที่มีประสิทธิภาพต่ำได้อย่างรวดเร็ว
การดำเนินการสำคัญที่ต้องทำ
- ติดตามความเร็วในการขายและ CPC เพื่อพิจารณาว่าควรเพิ่มหรือลดเงินประมูล
- ติดตามอัตราคอนเวอร์ชันแยกตามสินค้า เพื่อระบุจุดที่อาจต้องปรับแต่งในหน้ารายการสินค้า
- ปรับการระบุเป้าหมายตามข้อมูลเชิงลึกตามเวลาจริง เช่น เพิ่มการใช้จ่ายโฆษณาในเซ็กเมนต์กลุ่มเป้าหมายที่มีคอนเวอร์ชันสูง
4. การทำตลาดซ้ำหลังอีเว้นต์
หลังจบอีเว้นต์ ลองเข้าถึงนักช้อปที่เคยมีปฏิสัมพันธ์กับโฆษณาของคุณแต่ยังไม่ได้ซื้อสินค้า คุณสามารถใช้แคมเปญการทำตลาดซ้ำและกลุ่มเป้าหมายจากระบบคลาวด์การตลาดของ Amazon (AMC) เพื่อดึงยอดขายที่อาจสูญเสียไปกลับคืนมา ผ่านทาง Sponsored Display, Amazon DSP รวมถึง Sponsored Products และ Sponsored Brands โดยการปรับราคาประมูลตามกลุ่มเป้าหมาย
เมื่ออีเว้นต์สิ้นสุดลงแล้ว ยังมีโอกาสอีกมากที่ยังไม่ได้ถูกใช้ให้เกิดประโยชน์ กลยุทธ์การทำตลาดซ้ำของคุณจะช่วยสร้างการมีส่วนร่วมซ้ำกับผู้ใช้ที่เคยดูสินค้าหรือเพิ่มสินค้าไว้ในรถเข็นแต่ยังไม่ได้สั่งซื้อ
การดำเนินการสำคัญที่ต้องทำ
- ใช้ Sponsored Display หรือแคมเปญการทำตลาดซ้ำ เพื่อเข้าถึงนักช้อปที่เคยมีปฏิสัมพันธ์กับรายการสินค้าของคุณระหว่างช่วงอีเว้นต์แต่ยังไม่ได้สั่งซื้อ
- สร้างเซ็กเมนต์กลุ่มเป้าหมายที่กำหนดเองใน AMC สำหรับผู้ที่ดูสินค้าแต่ยังไม่ซื้อ แล้วแสดงโฆษณาที่เกี่ยวข้องพร้อมข้อเสนอหรือโปรโมชันน่าสนใจให้กับพวกเขา
- ใช้ประโยชน์จากการทำตลาดซ้ำแบบไดนามิก เพื่อแสดงสินค้าที่ผู้ใช้เคยมีปฏิสัมพันธ์อย่างแม่นยำ
5. ทบทวนหลังการดำเนินการ
นำข้อมูลเชิงลึกที่ได้จากอีเว้นต์นี้ไปใช้ปรับปรุงกลยุทธ์การโฆษณาในอนาคต และปรับแต่งวิธีการให้เหมาะสมยิ่งขึ้นสำหรับช่วงเทศกาลขายใหญ่ครั้งหน้า
เมื่ออีเว้นต์จบลง วิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกทั้งหมด ทั้งยอดขาย, จำนวนการเข้าชม, อัตราคอนเวอร์ชัน, CPC, ROAS เพื่อค้นหารูปแบบที่ได้ผลดีและจุดที่ควรปรับปรุง ใช้ข้อมูลเชิงลึกเหล่านี้ในการปรับแคมเปญให้เหมาะสมกับอีเว้นต์ที่กำลังจะมาถึง และปรับปรุงกลยุทธ์ระยะยาว
กลยุทธ์ที่ได้ผลสำหรับอีเว้นต์ของ Amazon ต้องเริ่มจากการเตรียมตัวล่วงหน้าอย่างรอบคอบ ปรับแผนได้อย่างคล่องตัวในช่วงระหว่างอีเว้นต์ และทำการทำตลาดซ้ำอย่างเข้มข้นหลังสิ้นสุดอีเว้นต์ ด้วยการใช้ข้อมูลเชิงลึกตามเวลาจริงและความร่วมมือข้ามช่องทาง ธุรกิจสามารถเปลี่ยนอีเว้นต์ที่มีจำนวนการเข้าชมสูงให้กลายเป็นการเติบโตได้อย่างยั่งยืน
เกี่ยวกับผู้แต่ง
Jason Landro คือ Co-CEO ของ Nectar ซึ่งเป็นพาร์ทเนอร์ขั้นสูงของ Amazon Ads ที่ขับเคลื่อนการเติบโตอย่างมีกำไรบน Amazon ด้วยกลยุทธ์ที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลเชิงลึก ผ่านแพลตฟอร์มวิเคราะห์ขั้นสูง iDerive ตลอดจนผู้เชี่ยวชาญด้านอีคอมเมิร์ซ และทีมสร้างสรรค์ภายในบริษัท
ที่มา
1-2 ข้อมูลจากผู้โฆษณา, 2025