วิดีโอ Sponsored Brands ช่วยเพิ่มยอดขายและอัตราการคลิกผ่าน

โดย: Zee Shah ผู้จัดการฝ่ายสื่อและการวิเคราะห์อาวุโส German Schnaidt นักวิทยาศาสตร์ประยุกต์ และ Ashton Brown นักเขียนด้านเทคนิค

ในการศึกษาแบบสองวิธีนี้ เราพบว่าทั้งยอดขายและอัตราการคลิกผ่านเพิ่มขึ้นเมื่อใช้วิดีโอ Sponsored Brands ร่วมกับแคมเปญที่ได้รับประโยชน์อยู่แล้วจากแนวทางที่ “เหมาะสำหรับใช้งานร่วมกัน” ของ Sponsored Products + Sponsored Brands

ประเด็นสำคัญ:

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เราได้วิจัยประสิทธิภาพของสินค้าโฆษณาต่าง ๆ เราเริ่มต้นด้วยการทดสอบประสิทธิภาพของ Sponsored Products และ Sponsored Brands ทีละรายการ ถัดมา เราเปลี่ยนมาทดสอบประสิทธิภาพรวมของ Sponsored Brands + Sponsored Products การวิเคราะห์ของเราพบว่าทั้งสองโปรแกรมให้ผลดีขึ้นเมื่อใช้งานร่วมกัน ในการวิเคราะห์นี้ เราดำเนินการวิจัยต่อไปอีกขั้นโดยการทดสอบว่ายอดขาย (เทียบปีก่อนหน้า) และอัตราการคลิกผ่านเพิ่มขึ้น ลดลง หรือยังคงเหมือนเดิม เมื่อใช้โปรแกรมทั้งสองนี้ร่วมกัน และเพิ่มวิดีโอ Sponsored Brands ในโปรแกรมที่สาม

เพื่อทดสอบผลกระทบที่เกิดจากการเพิ่มวิดีโอลงในแคมเปญสองแคมเปญในตอนแรก เราจะควบคุมแอตทริบิวต์อื่น ๆ ของแคมเปญ (เช่น ยอดขายรวม จำนวนชิ้นที่จำหน่าย ราคาขายเฉลี่ย และเงินที่ใช้จ่ายค่าโฆษณาโดยรวม) ซึ่งหมายความว่า เราได้สร้างผู้โฆษณาขึ้น 2 ประเภท คือผู้โฆษณาที่ใช้โปรแกรมร่วมแบบเดิม และผู้โฆษณาที่มีการเพิ่มวิดีโอลงไปด้วย จากนั้น เราจะใช้คู่ดังกล่าวประเมินผลกระทบของการนำวิดีโอเข้ามาใช้

เพื่อดำเนินการวิเคราะห์ เราได้เลือกแบรนด์ในสหรัฐอเมริกาและยุโรป (ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี สเปน สหราชอาณาจักร) ที่มีการใช้ Sponsored Products + Sponsored Brands แต่ยังไม่ได้นำวิดีโอ Sponsored Brands มาใช้ เมื่อได้ระบุแบรนด์เหล่านั้นแล้ว เราได้ใช้แมชชีนเลิร์นนิงและการสร้างแบบจำลองเพื่อทำการทดสอบการวิเคราะห์เชิงสาเหตุสองแบบ ได้แก่

  • ระยะสั้น (ระหว่างเดือนธันวาคม 2019 ถึงเดือนพฤศจิกายน 2020): ตรวจสอบผลกระทบเชิงสาเหตุของการเพิ่มวิดีโอ Sponsored Brands ในแคมเปญโฆษณา การวิเคราะห์ระยะสั้นนี้เป็นการตรวจสอบผลกระทบรายเดือนของแบรนด์ที่ใช้วิดีโอ Sponsored Brands ร่วมกับแคมเปญ Sponsored Brands + Sponsored Products
  • ระยะยาว (ระหว่างเดือนมกราคม 2019 ถึงเดือนธันวาคม 2020): เป็นการตรวจสอบผลกระทบต่อยอดขายแบบรายปี (YoY) ของแบรนด์ที่ใช้วิดีโอ Sponsored Brands + Sponsored Products + Sponsored Brands เทียบกับแบรนด์ที่ใช้เพียง Sponsored Products + Sponsored Brands เท่านั้น (โดยควบคุมตัวแปรอื่น ๆ เช่น ราคาขาย โฆษณาที่ใช้จ่ายรวม ฯลฯ

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีที่เราทำการศึกษานี้ โปรดดูส่วน ระเบียบวิธี ท้ายบทความนี้

ในระยะสั้น แบรนด์ที่นำวิดีโอ Sponsored Brands มาใช้เป็นครั้งแรกมียอดขายเพิ่มขึ้น 21% ในเดือนถัดไปเมื่อเทียบกับแบรนด์ที่ไม่ได้ใช้

เมื่อตรวจสอบความสัมพันธ์เชิงสาเหตุ สิ่งสำคัญคือต้องกำหนดว่าผลลัพธ์จะเกิดขึ้นหรือไม่และเมื่อใด ในการทดสอบว่าผลลัพธ์จะเกิดขึ้นหรือไม่และเมื่อใดเมื่อเพิ่มวิดีโอเป็นครั้งแรก เราได้ทำการศึกษาระยะสั้นที่วิเคราะห์ผลกระทบในเดือนถัดไปหลังเพิ่มวิดีโอ Sponsored Brands เราพบว่าแบรนด์ที่นำวิดีโอ Sponsored Brands มาใช้ร่วมกับแคมเปญ Sponsored Brands + Sponsored Products ที่มีอยู่เดิมมียอดขายเพิ่มขึ้น 21% ในเดือนถัดมา

เปอร์เซ็นต์ยอดขายในเดือนถัดไปจะเพิ่มเมื่อใช้วิดีโอ Sponsored Brands ร่วมกับแคมเปญของ sponsored products + Sponsored Brands

21%

ในระยะยาว แบรนด์ที่เพิ่มวิดีโอ Sponsored Brands ไปในแคมเปญ Sponsored Brands และ Sponsored Products มียอดขายเพิ่มขึ้น 10% และ CTR เพิ่มขึ้น 25%

ในการจะพิจารณาผลกระทบที่วิดีโอ Sponsored Brands มีต่อแคมเปญ เราได้พบและเปรียบเทียบแบรนด์ที่ใช้ผลิตภัณฑ์ทั้งสามอย่าง เป็นเวลา 12 เดือน กับแบรนด์ที่ใช้เฉพาะ Sponsored Products + Sponsored Brands เราพบว่าแบรนด์ที่นำวิดีโอ Sponsored Brands ไปรวมในส่วนประสมของพวกเขามียอดขายเพิ่มขึ้น 10% เมื่อเทียบปีต่อปี และอัตราการคลิกผ่านเพิ่มขึ้น 25% เมื่อเทียบปีต่อปี

ผลกระทบระยะยาวของการเพิ่มวิดีโอ Sponsored Brands เข้าไปในแคมเปญ

10%

เปอร์เซ็นต์ยอดขายระยะยาวจะเพิ่มเมื่อรวมวิดีโอ Sponsored Brands เข้ากับแคมเปญที่ใช้ Sponsored Products + Sponsored Brands อยู่แล้ว

25%

เปอร์เซ็นต์อัตราการคลิกผ่านระยะยาวเพิ่มขึ้นเมื่อรวมวิดีโอ Sponsored Brands เข้ากับแคมเปญที่ใช้ Sponsored Products + Sponsored Brands อยู่แล้ว

สรุป

เราใช้การศึกษาแบบสองวิธีเพื่อทดสอบว่าผลลัพธ์ของการ “ได้ผลดีกว่าถ้าใช้ร่วมกัน” (ในส่วนของยอดขายและอัตราการคลิกผ่าน) ของ Sponsored Products + Sponsored Brands จะเพิ่มขึ้น ลดลง หรือยังคงเหมือนเดิมเมื่อใช้วิดีโอ Sponsored Brands ร่วมด้วย การวิเคราะห์ของเราเผยให้เห็นว่าแบรนด์ที่นำวิดีโอ Sponsored Brands มาใช้ได้รับผลกระทบเชิงบวกทั้งในระยะสั้นและระยะยาว

ระเบียบวิธี

ในการศึกษาครั้งนี้ เราใช้วิธีการแบบสองวิธีซึ่งประกอบด้วยการวิเคราะห์สาเหตุและผลลัพธ์ในระยะสั้นโดยมุ่งเน้นไปที่การพิจารณาว่าแบรนด์ที่ใช้วิดีโอ Sponsored Brands ร่วมกับ Sponsored Product + Sponsored Brand จะมียอดขายหรือ CTR เพิ่มขึ้นหรือไม่ (ในเดือนถัดไป) และทำการวิเคราะห์สาเหตุและผลลัพธ์ในระยะยาวโดยมุ่งเน้นไปที่การเติบโตของยอดขายและ CTR เมื่อเทียบปีต่อปี

ทั้ง 2 วิธีมีรายละเอียดดังที่แสดงไว้ด้านล่าง

ระเบียบวิธีศึกษาระยะสั้น

ในการวัดผลกระทบของผู้โฆษณาที่นำวิดีโอ Sponsored Brands มาใช้เป็นครั้งแรก เราได้ใช้วิธีการอนุมานเชิงสาเหตุของแมชชีนเลิร์นนิงจากเทคนิค [1], [2], [3] เพื่อดูผลของการดำเนินการต่อประสิทธิภาพของผู้โฆษณาในระยะสั้นในกรอบเวลา 1 เดือน ระเบียบวิธีที่เราใช้เป็นไปตามวิธีการที่เรียกว่า 2-stage GP (2-stage Gaussian Process) ซึ่งแสดงถึงประสิทธิภาพที่ดีขึ้นในตัววัดประสิทธิภาพสาเหตุและผลลัพธ์ เมื่อเทียบกับระเบียบวิธีเดิมที่มีอยู่ เช่น Double Machine Learning [1] และ Causal Forests [2] เมื่อใช้ภายใต้ บริบทของ adv

สำหรับการศึกษานี้ เราได้เลือกผู้โฆษณากว่า 78,000 รายในตลาดสหรัฐอเมริกา และจับคู่ผู้โฆษณา 25,000 รายโดยใช้วิธีการนี้ ผู้โฆษณา 78,000 รายอยู่ในชุดข้อมูลอินพุตสำหรับการประเมินผล และมีการใช้ตัวอย่าง 25,000 ตัวอย่าง (ควบคุมและไม่ควบคุม) สำหรับคะแนนความโน้มเอียง

ระเบียบวิธีศึกษาระยะยาว

ในการวัดผลกระทบต่อยอดขายและอัตราการคลิกผ่าน (CTR) ในระยะยาว เราใช้เทคนิคการวิเคราะห์เชิงสาเหตุเพื่อตรวจสอบผลของการดำเนินการต่อประสิทธิภาพของผู้โฆษณาในระยะยาวในกรอบเวลา 12 เดือน อันดับแรก เราสร้างกลุ่มขึ้น 2 กลุ่ม กลุ่มแรกเป็นผู้โฆษณาทั้งหมดที่ใช้ Sponsored Products + Sponsored Brands กลุ่มที่สอง ผู้โฆษณาที่ใช้วิดีโอ Sponsored Brands ร่วมกับ Sponsored Products + Sponsored Brands เพื่อควบคุมคุณแอตทริบิวต์อื่น ๆ ของแคมเปญ เราเลือกแบรนด์ที่มีแอตทริบิวต์ของแคมเปญใกล้เคียงกัน เช่น ยอดขายรวม จำนวนชิ้นที่จำหน่าย ราคาขายเฉลี่ย และค่าใช้จ่ายในการโฆษณาโดยรวม

วิธีนี้ทำให้เราสามารถเปรียบเทียบกลุ่มที่มีความน่าจะเป็นใกล้เคียงกันที่จะนำวิดีโอ Sponsored Brands มาใช้ ในการวิจัยนี้ เราใช้แมชชีนเลิร์นนิงวัดคะแนนความโน้มเอียงสำหรับแต่ละแบรนด์ตามค่าใช้จ่ายในการโฆษณา ยอดขายรวม จำนวนชิ้นที่จำหน่ายทั้งหมด จำนวนครั้งของการแสดงโฆษณาทั้งหมด ยอดคลิกทั้งหมด และราคาขายเฉลี่ย

แอตทริบิวต์ที่ใช้ในการคำนวณคะแนนความโน้มเอียง: ลอการิทึมธรรมชาติของยอดขายทั้งหมดในปี 2020 จำนวนชิ้นที่จำหน่ายทั้งหมดในปี 2019 ราคาขายเฉลี่ยในปี 2020 จำนวนครั้งของการแสดงโฆษณาทั้งหมดในปี 2019 ยอดคลิกทั้งหมดในปี 2019 ค่าใช้จ่ายในการโฆษณารวมในปี 2019 ค่าใช้จ่ายในการโฆษณารวมในปี 2020 และยอดขายรวมในปี 2020

ตัวแปรตอบสนอง: ลอการิทึมธรรมชาติของ CTR ลอการิทึมธรรมชาติของอัตราการเติบโตของยอดขายรวมในปี 2020

แหล่งที่มา:

  • Alaa, A. M. และ van der Schaar, M. “การอนุมานเชิงสาเหตุแบบไม่อิงพารามิเตอร์แบบเบย์: อัตราข้อมูลและอัลกอริทึมการเรียนรู้” วารสาร IEEE หัวข้อที่เลือกในการประมวลผลสัญญาณ, 12(5):1031–1046, 2018
  • Hill, J.L. “การสร้างแบบจำลองแบบไม่อิงพารามิเตอร์แบบเบย์สำหรับการอนุมานเชิงสาเหตุ” วารสารสถิติเชิงคำนวณและกราฟิก, 20(1):217–240, 2011
  • Pauwels, K., M. Caddeo และ G. Schnaidt 2022. ผลกระทบเชิงสาเหตุของโฆษณาดิสเพลย์ดิจิทัลต่อประสิทธิภาพของผู้โฆษณา ใน: การดำเนินการของสถาบันการตลาดแห่งยุโรป, ครั้งที่ 51 (108183): EMAC. http://proceedings.emac-online.org/pdfs/A2022-108183.pdf
  • Van der Schaar, M. และ Alaa, A. “การอนุมานแบบเบย์เซียนของผลการรักษาเป็นรายบุคคลโดยใช้กระบวนการเกาส์เซียนแบบหลายภารกิจ” NIPS, 2017