OTT คืออะไร แนวทางการใช้ over-the-top ฉบับสมบูรณ์
หากคุณเคยตื่นเต้นไปกับการดูรายการบน IFreevee การสตรีมรายการสดบน Twitch หรือการดูแอพออกอากาศทางเครือข่ายที่คุณโปรดปรานบน Fire TV คุณคงเคยสัมผัสประสบการณ์ของเนื้อหาวิดีโอแบบ over-the-top (OTT) OTT ซึ่งบางครั้งเรียกว่าสตรีมมิ่งทีวี หมายถึงเนื้อหาต่างๆ ที่ส่งตรงไปยังผู้ชมผ่านบริการวิดีโอสตรีมมิ่งทางอินเทอร์เน็ตแทนกล่องโทรทัศน์ที่ต้องต่อสาย ซึ่งโดยทั่วไปจะเป็นการดูบนทีวี
โฆษณา OTT หรือที่รู้จักในชื่อโฆษณาสตรีมมิ่งทีวี เป็นโฆษณาที่ส่งไปยังผู้ชมพร้อมเนื้อหาวิดีโอนี้ OTT หรือสตรีมมิ่งทีวี เปิดโอกาสให้ผู้โฆษณาเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายใหม่ๆ ในวงกว้าง เนื่องจากมีผู้ชมมากขึ้นหันมาดูเนื้อหาวิดีโอสตรีมมิ่งแทนเคเบิลทีวีและทีวีที่มีการออกอากาศแบบดั้งเดิม ในโพสต์นี้ เราจะอธิบายภาพรวมของโฆษณา OTT ความหมายของศัพท์ที่พบบ่อย และแบ่งปันวิธีที่ สตรีมมิ่งทีวีและโฆษณาวิดีโอออนไลน์ของ Amazon ช่วยให้แบรนด์ต่างๆ นำเสนอข้อความให้ผู้ชมได้ตามขนาด
ความหมายและคำจำกัดความของ OTT
ดังที่กล่าวไว้ OTT หรือสตรีมมิ่งทีวีหมายถึงเนื้อหาสื่อสตรีมมิ่งประเภทใดก็ตามที่ส่งผ่านอินเทอร์เน็ต ซึ่งจะรวมถึงบริการสตรีมมิ่งแบบสมัครใช้งาน ซึ่งผู้บริโภคสามารถเข้าถึงเนื้อหาตามความต้องการ โดยไม่ต้องผ่านผู้ให้บริการดาวเทียมหรือเคเบิลแบบเดิม ผู้ชมสามารถรับชมเนื้อหา OTT ในอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น โทรศัพท์มือถือ เกมคอนโซล และแท็บเลต แต่การรับชมส่วนใหญ่เกิดขึ้นบนทีวีที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต (CTV)

การเลิกใช้เคเบิลทีวี ซึ่งหมายถึงการที่ครัวเรือนยกเลิกการเป็นสมาชิกเคเบิลทีวีหรือทีวีดาวเทียมเป็นตัวผลักดันให้ผู้บริโภคสตรีมวิดีโอผ่านทีวีที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตมากขึ้น คาดว่าจะมีการยกเลิกเคเบิลทีวีในปี 2020 กว่า 6 ล้านครัวเรือน ส่งผลให้จำนวนครัวเรือนที่ยกเลิกเคเบิลทีวีรวมเป็น 31.2 ล้านครัวเรือน ประมาณกันไว้ว่าตัวเลขดังกล่าวจะเติบโตเป็น 46.6 ล้านครัวเรือนภายในปี 2024 หรือมากกว่า 1 ใน 3 ของจำนวนครัวเรือนในสหรัฐอเมริกา1 นี่เป็นโอกาสอันยิ่งใหญ่สำหรับแบรนด์ในการนำการโฆษณาสตรีมมิ่งทีวีเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในกลยุทธ์สื่อของตน
นอกจากการยกเลิกเคเบิลทีวีแล้ว ยังมี “การลดแพ็กเกจ” ซึ่งหมายถึงการลดแพ็กเกจสมาชิกเคเบิลทีวีลงเป็นแพ็กเกจต่ำสุด แต่ยังคงใช้บริการสตรีมมิ่ง แล้วก็มีผู้ที่ “ไม่ยอมจ่ายเงิน” เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งหมายถึงผู้ที่ไม่เคยเสียเงินให้กับการสมัครสมาชิกทีวีหรือช่องพรีเมียม
ต่อไปนี้คือคำสำคัญบางคำที่ผู้โฆษณาควรรู้เกี่ยวกับสตรีมมิ่งทีวี
Advanced TV
Advanced TV เป็นคำที่ครอบคลุม ซึ่งหมายถึงเนื้อหาสตรีมมิ่งที่นอกเหนือไปจากรูปแบบการเผยแพร่เนื้อหาทีวีแบบเดิมไปยังอุปกรณ์และแอพอื่นๆ บริการทั้งหลายเหล่านี้มีการเรียกเป็นอักษรย่อ เช่น OTT, CTV, TVE, OLV, VOD, SVOD, TVOD, AVOD และ PVOD เรามาดูความหมายและรูปแบบการทำงานของคำย่อเหล่านี้กัน

ทีวีที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต (CTV)
ทีวีที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตหรือ CTV เป็นอุปกรณ์ที่สามารถเชื่อมต่อกับทีวีหรือสมาร์ททีวี และใช้เพื่อส่งเนื้อหาวิดีโอแบบสตรีมมิ่ง CTV เป็นที่นิยมอย่างไม่น่าเชื่อ เฉพาะในสหรัฐอเมริกาเพียงที่เดียวก็มีผู้ใช้ถึง 224 ล้านคนใช้ CTV2 CTV หมายรวมถึงเกมคอนโซล สมาร์ททีวี หรือเครื่องเล่นสื่อดิจิตอล โดยหลักแล้ว CTV เป็นอุปกรณ์ที่ช่วยให้คุณสามารถเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตเพื่อเข้าถึงเนื้อหาวิดีโอ

TV everywhere (TVE)
TV Everywhere (TVE) ช่วยให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงเนื้อหาความบันเทิงที่ต้องการผ่านทางอินเทอร์เน็ตได้ทุกที่ เพียงแค่ใช้ข้อมูลประจำตัวลงชื่อเข้าใช้ในระบบบริการแบบต้องสมัครสมาชิกที่ตนชื่นชอบ บางครั้งเรียกว่าการสตรีมแบบถูกลิขสิทธิ์หรือวิดีโอออนดีมานด์ (VOD) แบบถูกลิขสิทธิ์ TVE ได้ทำลายกรอบของทีวีแบบดั้งเดิม โดยผู้ชมจะสามารถสตรีมเนื้อหาที่ชื่นชอบได้ทั้งที่บ้าน บนรถบัส หรือที่ชายหาด ทุกที่ที่มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต

โฆษณาวิดีโอออนไลน์ (OLV)
โฆษณาวิดีโอออนไลน์ (OLV) จะปรากฎขึ้นก่อน ระหว่าง และหลังเนื้อหาวิดีโอบนเว็บไซต์ โฆษณา OLV จะปรากฏขึ้นแบบทั้งในขณะสตรีมและนอกการสตรีม ในเบราว์เซอร์และแอปต่างๆ ตลอดจนบนอุปกรณ์ต่างๆ เช่น เดสก์ท็อป มือถือ และแท็บเล็ต โฆษณา OLV ยังสามารถฝังตัวอยู่ในบทความออนไลน์หรือผ่านโฆษณาแบนเนอร์ที่ปรากฏในรูปแบบต่างๆ เช่น วิดีโอในฟีด วิดีโอในบทความหรือวิดีโอที่ปรากฎขึ้นตอนกำลังอ่าน วิดีโอในแบนเนอร์ และวิดีโอคั่นระหว่างหน้า

วีดีโอออนดีมานด์ (VOD)
วิดีโอออนดีมานด์ (VOD) คือเนื้อหาวิดีโอที่ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงได้เมื่อต้องการ VOD แบ่งออกเป็น 4 ประเภทหลักๆ ได้แก่ วิดีโอออนดีมานด์แบบสมาชิก (SVOD), วิดีโอออนดีมานด์แบบรายครั้ง (TVOD), วิดีโอออนดีมานด์แบบมีโฆษณา (AVOD) และวิดีโอออนดีมานด์แบบพรีเมียม (PVOD) ความแตกต่างระหว่างวิดีโอทั้ง 4 ประเภทมีรายละเอียดดังนี้
SVOD
วิดีโอออนดีมานด์แบบสมาชิก (SVOD) เป็นเนื้อหาที่เข้าถึงได้สำหรับผู้บริโภคที่ได้สมัครสมาชิกบริการนั้นๆ เท่านั้น โดยผู้บริโภคจะดูเนื้อหาได้มากเท่าที่ต้องการในราคาคงที่ต่อเดือน ตัวอย่างวิดีโอแบบนี้ได้แก่ Amazon Prime Video
TVOD
เนื้อหาวิดีโอออนดีมานด์แบบรายครั้ง (TVOD) สามารถซื้อได้ในรูปแบบ pay-per view ผู้ชมสามารถซื้อเนื้อหาสำหรับการดูซ้ำ หรือเช่าสำหรับการใช้งานเพียงครั้งเดียว ตัวอย่างของบริการ TVOD ได้แก่ Amazon Prime Video Store
AVOD
วิดีโอออนดีมานด์แบบโฆษณา (AVOD) ไม่ต้องมีการสมัครสมาชิกหรือเสียค่าธรรมเนียมเป็นรายครั้ง เนื่องจากเป็นเนื้อหาที่มีโฆษณา ตัวอย่างของบริการ AVOD คือ Freevee ผู้ชมกำลังเพิ่ม AVOD เป็นตัวเลือกเพื่อการสตรีมที่มีเนื้อหาหลากหลายยิ่งขึ้น ตั้งแต่เดือนมกราคมถึงมีนาคม 2020 ผู้ใหญ่ในสหรัฐอเมริกาที่มีอายุตั้งแต่ 18-44 ปีจำนวน 50% ได้ลงชื่อสมัครใช้บริการ AVOD และ 47% กำลังวางแผนจะเพิ่มบริการ AVOD เจ้าอื่นในอีก 12 เดือนข้างหน้า3
PVOD
วิดีโอออนดีมานด์แบบพรีเมียม (PVOD) เป็นแนวคิดที่ใหม่กว่า ซึ่งสตูดิโอภาพยนตร์และผู้ให้บริการรายอื่นนำเสนอเนื้อหาวิดีโอระดับพรีเมียม เช่น การเข้าถึงรอบปฐมทัศน์ภาพยนตร์ซึ่งจะคิดค่าบริการในราคาที่สูงขึ้น เนื้อหาประเภทนี้แพร่หลายมากขึ้นในปีที่ผ่านมา เนื่องจากสตูดิโอบางแห่งได้เผยแพร่ภาพยนตร์ไปยังบริการสตรีมมิ่งโดยตรง ในขณะที่โรงภาพยนตร์หลายแห่งปิดตัวลง
OTT vs. VOD vs. CTV
ตัวย่อเหล่านี้สับสนได้ง่ายเนื่องจากมีความคล้ายคลึงกันมาก OTT เกี่ยวข้องกับวิธีการเผยแพร่เนื้อหา ซึ่งกระทำผ่านอินเทอร์เน็ต ในขณะที่ VOD เกี่ยวข้องกับวิธีการที่ผู้บริโภคเข้าถึงเนื้อหา ไม่ว่าจะเป็นการซื้อครั้งเดียว การสมัครสมาชิก หรือโดยการดูโฆษณา CTV เป็นอุปกรณ์ที่ผู้ชมใช้ในการเข้าถึงเนื้อหา
แนวโน้มอุตสาหกรรม OTT
อุตสาหกรรม OTT ยังคงเติบโตต่อไปโดยที่ SVOD เป็นวิดีโอออนดีมานด์ประเภทที่ได้รับความนิยมมากที่สุด4 ยิ่งไปกว่านั้น คนทุกกลุ่มอายุกำลังยกเลิกการใช้เคเบิลทีวีมากขึ้นเรื่อยๆ

คำบรรยายภาพ: ของครัวเรือนที่อธิบายความสัมพันธ์กับเคเบิลทีวีว่า “ยกเลิกสมาชิก” แทนที่จะเป็น “สมาชิกเคเบิล” พบว่า 74% อยู่ในช่วงอายุ 18-34 ปี, 64% อยู่ในช่วงอายุ 35-54 ปี และ 56% มีอายุตั้งแต่ 55 ปีขึ้นไป5
เหตุใดนักการตลาดจึงควรเพิ่มโฆษณาสตรีมมิ่งทีวีลงในส่วนผสมของสื่อ
แวดวงความบันเทิงกำลังก้าวไปไกลกว่าเคเบิล และกำลังดำเนินไปอย่างรวดเร็ว พูดง่ายๆ คือ ผู้คนจำนวนมากขึ้นกว่าเดิมกำลังรับชมเนื้อหาในสถานที่อื่นๆ มากขึ้นกว่าที่เคย ตัวอย่างเช่น 90% ของกลุ่มเป้าหมายสตรีมมิ่งทีวีที่มีโฆษณาของ Amazon กำลังรับชมเนื้อหาสตรีมมิ่งทีวีเกือบ 2 ชั่วโมงทุกวัน6 มากกว่าเวลาที่เราใช้รับประทานอาหาร ดื่ม หรือออกกำลังกายในแต่ละวันเสียอีก การโฆษณาสตรีมมิ่งทีวีไม่ได้เป็นเพียงช่องทางที่จะเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย แต่ยังกลายเป็นช่องทางแห่งเดียวที่จะเปลี่ยนช่วงเวลาในชีวิตประจำวันให้กลายเป็นความสัมพันธ์กับลูกค้าที่ยั่งยืน ทำให้กลายเป็นส่วนเสริมที่สำคัญของส่วนผสมของสื่อที่แบรนด์ใช้

โฆษณา OTT เทียบกับการโฆษณาวิดีโอ
โฆษณา OTT จะถูกส่งผ่านอินเทอร์เน็ตทางอุปกรณ์สตรีมมิ่ง โฆษณาวิดีโอเป็นคำเรียกรวม ๆ ของการโฆษณาในรูปแบบวิดีโอทั้งหมด ซึ่งรวมถึง OTT, OLV และอื่นๆ โฆษณาวิดีโอเป็นคำเรียกรวมๆ ของการโฆษณาในรูปแบบวิดีโอทั้งหมด ซึ่งรวมถึง OTT, OLV และอื่นๆ

โฆษณาสตรีมมิ่งทีวีปรากฏที่ไหนบ้าง
โฆษณาสตรีมมิ่งทีวีสามารถปรากฎขึ้นบนพื้นที่โฆษณาประเภทต่าง ๆ หลายประเภท และเป็นการปรากฎขึ้นตามโปรแกรมที่ตั้งไว้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับกลุ่มเป้าหมายที่แบรนด์พยายามเข้าถึง พวกเขาสามารถแสดงโฆษณาได้ทุกที่จากบริการสตรีมมิ่งฟรี เช่น ใน Freevee หรือผ่านแอปผู้แพร่ภาพกระจายเสียงในเครือข่ายทีวี เช่น Discovery รวมถึงระหว่างการถ่ายทอดสดกีฬา เช่น Thursday Night Football หรือในแอพ News บน Fire TV
แนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดในการโฆษณาสตรีมมิ่งทีวี
แคมเปญการโฆษณาสตรีมมิ่งทีวีที่มีประสิทธิภาพจะใช้ประโยชน์จากข้อมูลเชิงลึกของกลุ่มเป้าหมายและเซ็กเมนต์กลุ่มเป้าหมาย ตัวอย่างเช่น Amazon Advertising ช่วยให้แบรนด์ต่าง ๆ มีส่วนร่วมกับกลุ่มเป้าหมายโดยอาศัยข้อมูลเชิงลึกจากบุคคลที่หนึ่งนับพันล้านรายการ ซึ่งแสดงให้เห็นแล้วว่าช่วยให้แบรนด์ได้รับการพิจารณาซื้อเพิ่มขึ้น 44% เมื่อเทียบกับการใช้คุณลักษณะทางประชากรศาสตร์เพียงอย่างเดียว7
แคมเปญที่ประสบความสำเร็จจะต้องยึดมั่นในข้อความและน้ำเสียงของแบรนด์ โดยจะปรากฎควบคู่ไปกับเนื้อหาที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นรายการทีวีและภาพยนตร์ยอดนิยม ข่าวที่คัดสรรมาแล้ว หรือกีฬาถ่ายทอดสด นอกจากนี้ โฆษณาสตรีมมิ่งทีวีที่มีคำกระตุ้นให้ดำเนินการ (CTA) ที่ชัดเจน เช่น การเยี่ยมชมเว็บไซต์ อาจเป็นประโยชน์ เนื่องจากผู้ชมอาจมีอุปกรณ์อยู่ใกล้ ๆ ขณะสตรีมเนื้อหาเพื่อดำเนินการตาม CTA หากจำเป็นต้องทำเช่นนั้น
การตรวจวัดการโฆษณาสตรีมมิ่งทีวี

การตรวจวัดเป็นองค์ประกอบที่สำคัญของแคมเปญโฆษณาดิจิตอลทุกประเภทรวมถึงการโฆษณาสตรีมมิ่งทีวี ผู้โฆษณาจำเป็นต้องรู้ว่าตนกำลังเชื่อมต่อกับกลุ่มเป้าหมายกลุ่มใด และสินค้าโฆษณาต่างๆ เช่น โฆษณาแบบเสียงหรือโฆษณาแบบแสดงผลบนหน้าจอจะส่งเสริมและขยายผลจากการลงทุนทางสตรีมมิ่งทีวีได้อย่างไร เมื่อเทียบกับสตรีมมิ่งทีวี การตรวจวัดโฆษณาทีวีแบบดั้งเดิมมักอาศัยการระบุแหล่งที่มาของทีวีหรือการวิเคราะห์โดยผู้ให้บริการเคเบิลหรือดาวเทียมและตัวแทน การตรวจวัดสตรีมมิ่งทีวีมีความครอบคลุมมากขึ้น และผู้โฆษณาสามารถใช้ประโยชน์จากข้อมูลเชิงลึกของกลุ่มเป้าหมายเพื่อทำความเข้าใจกลุ่มเป้าหมายที่แคมเปญของตนเข้าถึง ตัวอย่างเมทริกซ์ที่มีประโยชน์ในการตรวจวัดแคมเปญได้แก่ การเข้าถึงแบรนด์ การยกระดับแบรนด์ และการยกระดับแบบออฟไลน์
โฆษณาสตรีมมิ่งทีวีและโฆษณาวิดีโอออนไลน์ของ Amazon
โฆษณาสตรีมมิ่งทีวีของ Amazon ช่วยให้ผู้โฆษณาสามารถเข้าถึงและเชื่อมต่อกับกลุ่มเป้าหมายที่ไม่ซ้ำกันได้ตามขนาด ผู้โฆษณาสามารถเข้าถึงผู้ชมเนื้อหาสตรีมมิ่งทีวีที่ไม่ซ้ำในสหรัฐอเมริกาได้มากกว่า 120 ล้านคน เมื่อลงโฆษณากับ Amazon Advertising8 เราช่วยให้คุณเชื่อมต่อกับกลุ่มเป้าหมายที่เข้าถึงด้วยทีวีที่ฉายตามเวลาได้ยากขึ้น
โฆษณาวิดีโอออนไลน์ของ Amazon สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายด้วยโฆษณาวิดีโอทั้งในสตรีมและนอกสตรีมบนเว็บไซต์ในเครือของ Amazon เช่น IMDB.com และ Twitch และในอินเทอร์เน็ตบนไซต์ผู้เผยแพร่ชั้นนำผ่าน Amazon Publisher Services และการแลกเปลี่ยนของบุคคลที่สาม แคมเปญที่ใช้ทั้งโฆษณาวิดีโอออนไลน์และการแสดงการโฆษณาบนหน้าจอพบว่าจำนวนการเข้าดูหน้ารายละเอียดเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ย 320% และอัตราการซื้อเพิ่มขึ้น 150% เมื่อเทียบกับแคมเปญที่ใช้โฆษณาแบบแสดงบนหน้าจอเพียงอย่างเดียว9
ตัวอย่างการโฆษณาสตรีมมิ่งทีวี
บล็อก
The Hershey Company เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายจำนวนมากขึ้น
ด้วยโฆษณาสตรีมมิ่งทีวีของ Amazon ได้อย่างไร
การโฆษณาสตรีมมิ่งทีวีอาจเป็นแนวคิดที่ค่อนข้างใหม่สำหรับบางคน แต่แบรนด์ที่เป็นที่ยอมรับกำลังใช้ประโยชน์จากสิ่งนี้ในการปรับแต่งกลยุทธ์ทางการตลาดและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายในรูปแบบใหม่ The Hershey Company เป็นตัวอย่างของแบรนด์คลาสสิกที่เพิ่มการเข้าถึงให้มากขึ้นจากการใช้กลยุทธ์แคมเปญทีวีโดยการใช้โฆษณาสตรีมมิ่งทีวีของ Amazon ในช่วงหมุดหมายสำคัญตามฤดูกาล อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ The Hershey Company และโฆษณาสตรีมมิ่งทีวีของ Amazon

[โฆษณาสตรีมมิ่งทีวี] ของAmazon ทำให้เราสามารถ [เข้าถึง] กลุ่มเป้าหมายจำนวนมากขึ้นที่เราไม่สามารถเข้าถึงได้ด้วยทีวีที่ฉายตามเวลาเพียงอย่างเดียว
– Charlie Chappell หัวหน้าฝ่ายวางแผนสื่อและการสื่อสารแบบบูรณาการของบริษัท Hershey
กรณีศึกษา:
โฆษณาสตรีมมิ่งทีวีและ Audio ads ของ Amazon ช่วยยกระดับแบรนด์สำหรับผู้โฆษณาที่ทำธุรกิจโบรกเกอร์

บริษัทโบรกเกอร์ออนไลน์ที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งมีความสนใจในการเพิ่มการรับรู้ ปรับมุมมอง และวัตถุประสงค์การซื้อของกลุ่มลูกค้าที่เป็นคนรุ่นใหม่ที่มีต่อแบรนด์ เรียนรู้เพิ่มเติมว่าการใช้ Audio ads และโฆษณาสตรีมมิ่งทีวีของ Amazon ร่วมกันจะสร้างผลลัพธ์ที่ดีให้กับแบรนด์ได้อย่างไร
กรณีศึกษา:
Quest Nutrition เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่เกี่ยวข้องแบบไม่ซ้ำกันตามขนาด ด้วยโฆษณาสตรีมมิ่งทีวีของ Amazon อย่างไร

Quest Nutrition มีฐานผู้ติดตามที่ลึกซึ้งและภักดีอยู่เสมอ อย่างไรก็ตาม บริษัทต้องการที่จะสร้างกลุ่มแฟนใหม่ สตรีมมิ่งทีวีเป็นส่วนสำคัญในการกระตุ้นการรับรู้ของแบรนด์และต่อการขยายตัวของกลุ่มเป้าหมายของ Quest Nutrition ดูว่าบริษัทใช้โฆษณาสตรีมมิ่งทีวีของ Amazon เพื่อสร้างผลลัพธ์ที่ต้องการอย่างไร
สรุป
ภูมิทัศน์สตรีมมิ่งทีวีที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลานั้นเต็มไปด้วยความเป็นไปได้และโอกาสสำหรับแบรนด์ต่างๆ เรารู้สึกตื่นเต้นที่จะช่วยให้คุณทำงานอย่างชาญฉลาดขึ้น ไม่ใช่หนักขึ้น เพื่อขยายการเข้าถึงของคุณและสร้างปฏิสัมพันธ์ที่ส่งผลกระทบและมีความเกี่ยวข้องกับลูกค้า ทุกสิ่งที่เราทำที่ Amazon Ads เป็นการสร้างประสบการณ์ที่ดีขึ้นให้กับลูกค้าและเพิ่มมูลค่าให้กับแบรนด์ ด้วยเหตุนี้ แคมเปญโฆษณาวิดีโอ OTT ของคุณจึงไปปรากฎต่อหน้ากลุ่มเป้าหมายที่เหมาะสมในเวลาที่เหมาะสม เพื่อการเชื่อมต่อที่มีประสิทธิภาพและยั่งยืนยิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้งานโฆษณาสตรีมมิ่งทีวีของ Amazon ในกลยุทธ์แคมเปญดิจิตอลของคุณ
1 eMarketer, กันยายน 2020
2 ข้อมูลและข้อมูลเชิงลึก: การตรวจวัด Striking Gold with CRV (มกราคม 2020)
3 สงครามการสตรีมจากงานวิจัย IAS (มีนาคม 2020)
4 Kearney, การสตรีม OTT ใน Limelight
5 ข้อมูลภายใน Amazon, กันยายน 2020, WW
6 ข้อมูลภายใน Amazon และ GfK Simmons, 2020
7 ข้อมูลภายใน Amazon, 2020
8 ผลกระทบจากการใช้สื่อโดย Nielsen และข้อมูลภายใน Amazon, 2021
9 ข้อมูลภายใน Amazon, กันยายน 2020, WW