เมทริกซ์แบรนด์สามารถช่วยคุณปรับปรุงการโฆษณาในทุกขั้นตอนของกรวยการตลาดได้อย่างไร
21 มกราคม 2022 | โดย Dora Wang ผู้จัดการฝ่ายเนื้อหาการตลาด
เมื่อพูดถึงการวัดประสิทธิภาพการโฆษณา ยอดขายเป็นเพียงจุดเริ่มต้น แบรนด์ยังต้องการที่จะรู้วิธีที่การตลาดของพวกเขาส่งผลกระทบต่อทุกปฏิสัมพันธ์ของลูกค้าที่นำไปสู่การซื้อ และสิ่งนี้ส่งผลอย่างไรกับการเติบโตของธุรกิจในท้ายที่สุด ที่การประชุม unBoxed ของ Amazon Ads, Scott Collins ผู้จัดการสินค้าของ Amazon Ads อธิบายว่าเมทริกซ์แบรนด์ (เบต้า) สามารถช่วยให้ข้อมูลเชิงลึกที่จำเป็นต่อการทำความเข้าใจและเพิ่มประสิทธฺภาพการโฆษณาของคุณได้อย่างไร
เมทริกซ์แบรนด์ (เบต้า) สามารถช่วยการโฆษณาของคุณได้อย่างไร
ด้วยเมทริกซ์แบรนด์ คุณสามารถ:
![วัดผล](https://m.media-amazon.com/images/G/01/AdProductsWebsite/images/icons/brandEvo/blue/Insights_and_measurement_blue2x._TTW_.png)
วัดผล
วัดผลกระทบของกลยุทธ์สำหรับกรวยการตลาดระดับบนและระดับกลาง และดูว่าผู้ซื้อมีปฏิสัมพันธ์กับแบรนด์ของคุณอย่างไรตลอดทั่วทั้งกรวยการตลาด
![ประเมิน](https://m.media-amazon.com/images/G/01/AdProductsWebsite/images/icons/brandEvo/Brand-campaign-results_blue2x._TTW_.png)
ประเมิน
ประเมินคุณค่าการมีส่วนร่วมในการช้อปปิ้งด้วยการดูยอดขายที่สร้างขึ้นในช่วงย้อนหลัง 12 เดือน
![เพิ่มประสิทธิภาพ](https://m.media-amazon.com/images/G/01/AdProductsWebsite/images/icons/brandEvo/Manual_blue._TTW_.png)
เพิ่มประสิทธิภาพ
เพิ่มประสิทธิภาพการตลาดและการโฆษณาแบบออร์แกนิคในร้านค้าของ Amazon เพื่อมีส่วนร่วมกับนักช้อปได้มากขึ้นและสร้างแบรนด์ของคุณ
ข้อมูลเชิงลึกที่คุณสามารถเข้าถึงได้ด้วยเมทริกซ์แบรนด์
ต่อไปนี้คือตัวอย่างของข้อมูลเชิงลึกที่คุณสามารถเข้าถึงผ่านเมทริกซ์แบรนด์:
- อัตราการมีส่วนร่วมของนักช้อป คือเปอร์เซ็นต์ของนักช้อปในหมวดหมู่ที่เลือกไว้ซึ่งทำการพิจารณาหรือซื้อสินค้ากับคุณเรียบร้อยแล้ว
- เมทริกซ์คอนเวอร์ชันของลูกค้า คือยอดรวมของนักช้อปที่เกิดคอนเวอร์ชันหลังจากดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งต่อไปนี้ ได้แก่ การดูหน้ารายละเอียด การค้นหาแบรนด์และการดูหน้ารายละเอียด หรือการเพิ่มลงรถเข็น
- ยอดขายจากลูกค้าใหม่ของแบรนด์ คือเปอร์เซ็นต์ของผู้ซื้อที่เป็นลูกค้าใหม่ของแบรนด์ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา
- การค้นหาด้วยแบรนด์ คือ ยอมรวมของนักช้อปที่ค้นหาด้วยการใช้ชื่อแบรนด์ของคุณ แต่ยังไม่ได้พิจารณาหรือซื้อสินค้าจากคุณในหมวดหมู่นั้น
- ดัชนีการรับรู้และดัชนีการพิจารณาเป็นการคำนวณเกณฑ์มาตรฐานด้วยการใช้การมีส่วนร่วมของการช้อปปิ้งหลายสิบรายการที่มีการเชื่อมโยงไปยังการพิจารณาและยอดขาย
- เซ็กเมนต์การซื้อ คือยอดรวมนักช้อปที่เป็น 1) ลูกค้าแบรนด์ 2) ผู้ที่ซื้อจากแบรนด์ของคุณในสัปดาห์นั้น แต่อาจไม่ได้ซื้ออีกครั้ง 3) ลูกค้ากลุ่ม Top 10% หรือที่เป็นสมาชิกและได้ประหยัดซึ่งเป็นผู้สร้างยอดขายในกลุ่ม Top 10% หรือผู้ที่ใช้สิทธิ์ “เป็นสมาชิกและได้ประหยัด” กับแบรนด์ของคุณ
วิธีปรับใช้งานเมทริกซ์แบรนด์ (เบต้า) กับกลยุทธ์การโฆษณา
แล้วคุณจะทำอย่างไรกับข้อมูลเชิงลึกพวกนี้ Collins ได้ช่วยกลุ่มเป้าหมายโดยการใช้แบรนด์สมมติชื่อ KitchenSmart ที่ขายสินค้าเครื่องครัวและเครื่องใช้
ตัวอย่างข้อมูลเชิงลึกของระดับการรับรู้
ในตัวอย่างของเขา KitchenSmart มีข้อมูลเชิงลึกของระดับการรับรู้เหล่านี้จากเมทริกซ์แบรนด์:
- ลำพังจำนวนของนักช้อปที่ค้นหาด้วยแบรนด์อย่างเดียวก็สูงกว่าค่ามัธยฐานของหมวดหมู่ได้อย่างสบาย แต่ก็ยังต่ำกว่ากลุ่มลูกค้าระดับท็อป
- ดัชนีการรับรู้ระบุว่าพวกเขามีการรับรู้ต่ำกว่า 35% ของแบรนด์ที่คล้ายกัน
- อัตราการมีส่วนร่วมของนักช้อปแสดงให้เห็นว่าพวกเขามีส่วนร่วมเพียงแค่ประมาณ 10-20% ของนักช้อปในหมวดหมู่นั้น เหลืออีก 80-90% ที่ยังเข้าถึงได้
Collins ได้แนะนำกลยุทธ์ต่อไปนี้สำหรับตัวอย่างนี้:
- เปิดตัวแคมเปญใหม่ของโฆษณาสตรีมมิ่งทีวีบน Fire TV เพื่อช่วยแนะนำแบรนด์แก่ลูกค้าของ Amazon มากขึ้น เพิ่มการรับรู้และความสนใจ เสริมด้วยแคมเปญโฆษณาดิสเพลย์ ที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่กำลังช้อปสินค้าที่คล้ายคลึงกัน
- เพื่อช่วยสร้างความสนใจใหม่นี้ ให้ใช้ Sponsored Brands และการปรับแต่งการประมูลแบบกำหนดเองเพื่อเพิ่มการประมูลตำแหน่งโฆษณาในด้านบนสุดของการค้นหา เพื่อให้โฆษณาปรากฏขึ้นเมื่อมีการค้นหาสำหรับการช้อปปิ้งใหม่ ๆ เหล่านี้
- ใช้กลยุทธ์การระบุเป้าหมายที่หลากหลายของ Sponsored Display ตั้งแต่การระบุเป้าหมายหมวดหมู่สินค้าไปจนถึงการทำตลาดใหม่ของมุมมอง เพื่อช่วยขยายการรับรู้ของแบรนด์ในทุกที่ที่ลูกค้าใช้เวลาอยู่
- ใช้โซลูชันของแบรนด์ ได้แก่ Posts และ Amazon Live ซึ่งสามารถใช้ได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย เพื่อช่วยบอกเล่าเรื่องราวและสร้างการมีส่วนร่วมกับลูกค้าในจุดที่ลูกค้าเจอสินค้าให้มากขึ้น
ตัวอย่างข้อมูลเชิงลึกของระดับการพิจารณา
ต่อไป KitchenSmart จะดูข้อมูลเชิงลึกในระดับการพิจารณา ซึ่งก็คือ
- ดัชนีการพิจารณาได้แสดงให้เห็นว่า KitchenSmart กำลังปิดช่องว่างของสินค้าที่ขายดีในหมวดหมู่ของตน
- อัตราเปลี่ยนการพิจารณาเป็นคอนเวอร์ชันที่อยู่เหนือค่ามัธยฐาน
- เครื่องมือนี้พบว่ากลุ่มลูกค้าที่ทั้งซื้อจากแบรนด์และเข้ามาดูหน้ารายละเอียดของพวกเขาได้สร้างผลตอบแทนจากการมีส่วนร่วมได้เกือบ 2 เท่าเมื่อเทียบกับลูกค้าที่ดูเพียงแค่หน้ารายละเอียดเท่านั้น
Collins ได้แนะนำกลยุทธ์การตลาดแบบชำระเงินและแบบออร์แกนิคดังกล่าวเพื่อช่วยเพิ่มความตั้งใจที่มีต่อแบรนด์ในหมู่ลูกค้า:
- ตั้งค่าแคมเปญวิดีโอ Sponsored Brands และการประมูลบนคีย์เวิร์ดที่ไม่มีแบรนด์และสินค้า เพื่อช่วยเพิ่มการมองเห็นของแบรนด์กับกลุ่มเป้าหมายที่เกี่ยวข้อง
- แสดงสินค้า Best sellers อย่างเด่นชัดบน Store
ตัวอย่างข้อมูลเชิงลึกของระดับการซื้อ
สุดท้าย KitchenSmart จะดูที่เซ็กเมนต์การซื้อ ดังนี้
- กลุ่มลูกค้า Top 10% กำลังสร้างมูลค่าให้เกิดขึ้นหลังจากการซื้อที่มีมูลค่ามากกว่าลูกค้าแบรนด์กลุ่มอื่นถึง 2 เท่า
Collins ได้แนะนำกลยุทธ์เหล่านี้เพื่อช่วยผลักดันการซื้อสินค้าซ้ำและเพิ่มจำนวนลูกค้ากลุ่ม Top 10% และผู้ที่เป็นสมาชิกและได้ประหยัด:
- ปรับปรุง Store ด้วยการสร้างหน้าย่อยเฉพาะสำหรับหมวดหมู่สินค้า เน้นสินค้าขายดีที่สุดเพื่อช่วยให้มองเห็นได้มากขึ้น และใช้ไทล์รูปภาพที่สามารถช้อปได้ซึ่งมีปุ่มเพิ่มไปยังรถเข็น
- ใช้การทำตลาดซ้ำสำหรับรายการซื้อของ Sponsored Display เพื่อคงการสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายที่เคยเป็นผู้ซื้อ
อยากรู้ว่าเมทริกซ์แบรนด์สามารถช่วยปรับปรุงการตรวจวัดของแบรนด์ได้อย่างไรใช่ไหม เข้าถึงเมทริกซ์แบรนด์ในคอนโซล Amazon Ads หรือผ่านพันธมิตรของ Amazon Ads ที่ได้ผสานรวมเมทริกซ์แบรนด์เข้าไปอย่างสมบูรณ์แล้ว