Valerie Thompkins ผู้แต่งหนังสือสำหรับเด็ก มาแบ่งปันวิธีที่คุณสามารถทำการตลาดหนังสือของคุณได้อย่างสร้างสรรค์ ในช่วงเวลาช้อปปิ้งที่มีการจับจ่ายสูงสุด

Valerie Thompkins ผู้แต่งGirls Like Me หนังสือแนว STEM ของเธอซึ่งมียอดขายจนถึงปัจจุบันกว่า 10,000 เล่ม เธอมีภารกิจในการส่งเสริมให้เด็ก ๆ และครอบครัวได้สำรวจหนังสือหลากหลายประเภทและสร้างเสริมนิสัยรักการอ่าน Amazon Ads เป็นกุญแจสำคัญในการเข้าถึงผู้อ่านใหม่ ๆ ซึ่งเป็นเป้าหมายของเธอ โดยเฉพาะในฤดูการช้อปที่มีการจับจ่ายสูงสุด เธอได้แบ่งปันสุดยอดเคล็ดลับสำหรับผู้แต่ง เกี่ยวกับการใช้โฆษณาแบบบริการตนเองเพื่อช่วยสร้างความโดดเด่นแก่สายตาของนักช้อปหนังสือ

ฉันเชื่อว่าจะไม่มีคำว่าหนังสือมากเกินไป และตลาดจะไม่มีวันอิ่มตัวมากเกินไป ดังนั้น เป็นไปได้แน่นอนที่จะทำให้หนังสือของคุณโดดเด่น ฉันได้แชร์เส้นทางการเผยแพร่โฆษณาด้วยตนเองบนโซเชียลมีเดีย และไม่ใช่ความลับอะไรเลยที่ฉันเป็นผู้สนับสนุนคนหนึ่งของ Amazon Ads ฉันเชื่อมั่นใน Girls Like Me ซึ่งเป็นหนังสือเด็กของฉัน และฉันมั่นใจว่าหนังสือสามารถขายตัวเองได้ แต่ฉันก็ยังต้องการให้หนังสือเล่มนี้โดดเด่นท่ามกลางหนังสือและสินค้ามากมายที่จำหน่ายบนร้านค้า Amazon Amazon Ads ให้คุณสามารถปรับเปลี่ยนรายการสินค้าตามที่คุณต้องการ ตั้งแต่ภาพถ่าย คุณสมบัติ “ดูข้างใน” และคำอธิบายสินค้าไปจนถึงเนื้อหา A+ เนื้อหา A+ มีการเพิ่มรูปภาพสินค้าเพื่อปรับปรุงหน้าสินค้าของคุณ

ในฐานะผู้แต่ง เราต้องช่วยอำนวยความสะดวกให้นักช้อป โดยใช้คีย์เวิร์ด กลุ่มคำ และความแปรผันตามฤดูกาลที่เกี่ยวข้อง ในการเชื่อมต่อกับผู้อ่าน ในความคิดของฉัน ลูกค้าให้ความสำคัญกับรีวิว รูปภาพ และความโปร่งใส เมื่อเลือกดูสินค้าในร้านค้า Amazon ฉันชอบคิดว่านี่เป็นการช่วยเหลือกลุ่มเป้าหมายของคุณ ตัวอย่างเช่น หากลูกค้ากำลังเลือกซื้อหนังสือเพื่อสอนเจ้าตัวเล็กเกี่ยวกับอาชีพต่าง ๆ หรือหนังสือเกี่ยวกับตัวละครอายุน้อยที่มีผมธรรมชาติ โฆษณา Sponsored Products ของฉันอาจนำนักช้อปไปยังหนังสือของฉัน สิ่งนี้มีประโยชน์อย่างยิ่งในช่วงเทศกาลวันหยุด เพราะคุณสามารถแสดงโฆษณาของคุณต่อกลุ่มเป้าหมายที่คุณต้องการได้

การสังเกตฤดูกาลเป็นกุญแจสำคัญ ตัวอย่างเช่น แม้ว่าผู้แต่งบางคนอาจปิดโฆษณาในช่วงสิ้นปีการศึกษา แต่ฉันกำลังทำการตลาดในกลุ่มผู้ปกครองที่กำลังวางแผนสำหรับช่วงฤดูร้อน ในการเตรียมตัวสำหรับการช้อปปิ้งในวันที่ 4 กรกฎาคม กลุ่มคำของแคมเปญที่ฉันใช้คือ ของขวัญสำหรับเด็ก หนังสือสำหรับเด็ก และการอ่านในช่วงฤดูร้อน การเพิ่มหนังสือของคุณในรายการอ่านหนังสือสำหรับห้องเรียนหรือค่ายฤดูร้อนเป็นเครื่องมือทางการตลาดที่ยอดเยี่ยม และสิ่งสำคัญคือต้องสร้างความตื่นเต้นก่อนถึงฤดูกาลเปิดเทอมที่วุ่นวาย ฉันติดตาม Educator จำนวนมากบนโซเชียลมีเดีย และสังเกตว่าพวกเขาโพสต์รายการสิ่งที่อยากได้ในห้องเรียนบน Amazon เพื่อให้ผู้ปกครองและผู้สนับสนุนช่วยบริจาค ฉันมักจะติดต่อกับครูเพื่อให้พวกเขารู้ว่าฉันมีหนังสือที่ควรค่าแก่การเพิ่มลงในรายการสำหรับห้องเรียนของพวกเขา ด้วยวิธีนี้ ทุกคนที่สนับสนุนห้องเรียนของพวกเขาจะพบรายชื่อหนังสือของฉัน เนื่องจากหนังสือของฉันอยู่บน Amazon แล้ว จึงเป็นเรื่องง่ายที่จะส่งลิงก์สินค้าของฉันให้พวกเขาเพิ่มในรายการสินค้าที่อยากได้บน Amazon

นอกจากนี้ มีผู้ดูแลระบบหรือสมาชิกสมาคมครูและผู้ปกครองมากมายต้องการซื้อหนังสือจำนวนมาก หรืออย่างน้อยก็เป็นชุดสำหรับห้องเรียนของเด็ก ๆ Amazon มักจะเป็นแหล่งข้อมูลที่รวดเร็วและเข้าถึงได้มากที่สุด คำแนะนำของฉันคือ วางแผนแคมเปญของคุณล่วงหน้า บันทึกช่วงเวลาของปี แม้ว่าตอนนี้ฉันให้ความสำคัญกับช่วงปิดภาคฤดูร้อน แต่อีกไม่นานก็ถึงเวลาที่จะต้องกลับไปเรียน

ฉันยังพบว่าการใช้ช่องทางที่หลากหลายเพื่อดึงดูดนักช้อปมายังรายการสินค้า Amazon ของคุณนั้นเป็นเรื่องที่มีประโยชน์ ผู้คนใช้โซเชียลมีเดียเป็นเครื่องมือค้นหา: ฉันก็ค้นคว้าข้อมูลใน TikTok ก่อนจะซื้ออะไรก็ตาม

ก่อนอื่น ฉันสร้างแคมเปญและรอดูผลตอบแทนสองถึงสามสัปดาห์ ในพอร์ทัลโฆษณา Amazon ของฉัน ฉันสามารถดูยอดคลิกและการมีส่วนร่วมที่ได้รับในโฆษณาแต่ละชิ้นได้ ฉันสามารถมองเห็นว่าคีย์เวิร์ดใดใช้ได้ผล และฉันจะลองปรับปรุงหรือปรับเปลี่ยนในจุดใดได้บ้าง ตัวเลขและข้อมูลทำให้การวัดผลกลยุทธ์ของคุณมีประโยชน์มาก ฉันสามารถดูตัวเลขยอดขายที่แน่นอนของโฆษณาแต่ละชิ้นได้ตามเวลาจริง และปล่อยให้โฆษณาทำงานไปอย่างนั้น หากประสบความสำเร็จ ในบางครั้ง ฉันก็พิจารณาหมุนเวียนและปรับเปลี่ยน ความโปร่งใสของเมทริกซ์ภายในคอนโซลโฆษณาทำให้ผู้ขายสามารถใช้ประโยชน์เมทริกซ์ได้อย่างเต็มที่ ไม่มีอะไรคุ้มค่าไปกว่าการเฝ้าดูสินค้าของคุณเติบโตจากโฆษณาที่ใช้เวลาสร้างเพียงไม่กี่นาที