กลยุทธ์ใดที่ผู้โฆษณาที่มีประสิทธิภาพสูงสุดใช้เพื่อเติบโตบน Amazon.it
โดย Gregorio Nastasi ผู้จัดการสื่อและการวิเคราะห์ และ Ashton Brown นักเขียนด้านเทคนิค
ในงานวิจัยปี 2019-2020 ที่มีแบรนด์ในหมวดหมู่ความงาม 561 แบรนด์บน Amazon.it (อิตาลี) เราเปรียบเทียบกลยุทธ์การโฆษณาของผู้โฆษณาที่มีประสิทธิภาพสูงสุดและที่มีประสิทธิภาพต่ำกว่า จากนั้นเราจะใช้การเปรียบเทียบนี้เพื่อให้ผู้โฆษณาได้รับข้อมูลเชิงลึกที่สามารถนำไปใช้เพื่อพัฒนาการเติบโตของจำนวนการเปิดดูหน้ารายละเอียด ยอดขาย และการค้นหาแบบระบุแบรนด์แบบปีต่อปี
เรื่องราวที่สำคัญ
ในการศึกษานี้เราได้วิเคราะห์ 561 แบรนด์ใน หมวดหมู่ความงาม บน Amazon.it (อิตาลี) ระหว่างเดือนมกราคม 2019 ถึงธันวาคม 2020 เพื่อดำเนินการวิเคราะห์ เราได้จัดกลุ่มแบรนด์ด้านความงามออกเป็นห้ากลุ่ม โดยที่กลุ่มแรกประสบความสำเร็จที่สุด และกลุ่มที่ห้านั้นประสบความสำเร็จน้อยที่สุดในเรื่องของอัตราการเติบโตแบบปีต่อปีในด้านรายละเอียดจำนวนการเปิดดูหน้าเพจ ยอดขาย และการค้นหาแบรนด์ หมวดหมู่ความงามประกอบไปด้วยแบรนด์ที่ขายสินค้า เช่น โกนหนวด การโกนและการกำจัดขน น้ำหอม สินค้าบำรุงและจัดแต่งทรงผม เครื่องสำอาง เครื่องสำอางสุดหรู น้ำหอมสุดหรู และสินค้าบำรุงผมสุดหรู
การศึกษาวิจัยของเราพบว่าผู้โฆษณาด้านความงาม ที่มีประสิทธิภาพสูงสุด (กลุ่มที่หนึ่ง) มียอดดูหน้ารายละเอียดสูงกว่า 1.7 เท่า ยอดขายสูงกว่า 1.9 เท่า และการค้นหาแบบระบุแบรนด์สูงกว่า 1.7 เท่าเมื่อเทียบกับผู้โฆษณาที่มีประสิทธิภาพต่ำกว่า (กลุ่มที่ห้า) แบบปีต่อปี
ผู้โฆษณาที่มีประสิทธิภาพสูงสุด
![1.7 เท่า](https://m.media-amazon.com/images/G/01/AdProductsWebsite/ab/22.6.6._TTW_.png)
จำนวนการเปิดดูหน้ารายละเอียดที่สูงขึ้นแบบปีต่อปี
![1.9 เท่า](https://m.media-amazon.com/images/G/01/AdProductsWebsite/ab/22.6.7._TTW_.png)
ยอดขายที่สูงขึ้นแบบปีต่อปี
![1.7 เท่า](https://m.media-amazon.com/images/G/01/AdProductsWebsite/ab/22.6.6._TTW_.png)
การค้นหาที่ระบุแบรนด์สินค้าสูงขึ้นแบบปีต่อปี
เพื่อให้ผู้โฆษณาได้รับข้อมูลเชิงลึกที่สามารถดำเนินการได้ เราใช้แมชชีนเลิร์นนิงในการวิเคราะห์คุณลักษณะของการโฆษณาและสื่อมากกว่า 40 รายการที่มีส่วนทำให้จำนวนการเปิดดูหน้ารายละเอียด ยอดขายและการค้นหาแบบระบุแบรนด์แบบปีต่อปีเติบโตขึ้นได้ไม่มากก็น้อย
บทความนี้จะให้ข้อมูลเชิงลึกและแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดเกี่ยวกับคุณลักษณะหรือกลยุทธ์หลักโดยการวัดระดับของผู้ขายที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในหมวดหมู่ผู้โฆษณาด้านความงาม (กลุ่มที่หนึ่ง) และผู้ขายที่มีประสิทธิภาพต่ำกว่าในหมวดหมู่ผู้โฆษณาด้านความงาม (กลุ่มที่ห้า) ที่ใช้คุณลักษณะหรือกลยุทธ์หลักแต่ละรายการ
หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการที่เราศึกษาวิจัย ให้ดูที่ส่วน ระเบียบวิธี ในตอนท้ายของบทความนี้
โฆษณาที่มีประสิทธิภาพสูงสุดมีแนวโน้มที่จะใช้ Amazon DSP บน Amazon.it มากกว่า 7.5 เท่า
บางครั้งจำนวนการเปิดดูหน้ารายละเอียดและการค้นหาแบบระบุแบรนด์นั้นเป็นตัวกำหนดยอดขายของแบรนด์ ซึ่งอาจเป็นเหตุผลที่ว่าทำไม Amazon DSP ถึงถูกนำมาใช้เป็นหนึ่งในตัวสร้างความแตกต่างที่สำคัญของผู้โฆษณาด้านความงามที่มีประสิทธิภาพสูงสุดและต่ำสุดบน Amazon.it Amazon DSP ช่วยให้ผู้โฆษณาสามารถโฆษณาทั้งในและนอก Amazon ได้ ซึ่งจะช่วยให้พวกเขาสามารถเข้าถึงลูกค้ามากขึ้นได้ และในทางกลับกัน ยังสามารถเพิ่มการค้นหาแบบระบุแบรนด์และจำนวนการเปิดดูหน้ารายละเอียดได้อีกด้วย การวิเคราะห์ของเราพบว่า 17% ของผู้โฆษณาด้านความงามที่มีประสิทธิภาพสูงสุด บน Amazon.it ได้นำ Amazon DSP มาใช้ ในขณะที่มีเพียง 2% ในผู้โฆษณาที่มีประสิทธิภาพต่ำกว่า
ร้อยละของผู้โฆษณาที่นำ Amazon DSP มาใช้
![17%](https://m.media-amazon.com/images/G/01/AdProductsWebsite/ab/22.6.5._TTW_.png)
ผู้โฆษณาที่มีประสิทธิภาพสูงสุด
![2%](https://m.media-amazon.com/images/G/01/AdProductsWebsite/ab/22.6.4._TTW_.png)
ผู้โฆษณาที่มีประสิทธิภาพต่ำกว่า
สิ่งที่ต้องพิจารณาเมื่อใช้ Amazon DSP
ในงานวิจัยก่อนหน้านี้เราพบว่า การใช้ Fire TV และ Twitch ถือว่าเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการเพิ่มการเข้าถึงแบรนด์ ซึ่งในกรณีของงานวิจัยนี้ อาจหมายถึงการเพิ่มขึ้นของการค้นหาแบบระบุแบรนด์และ DPVGR และท้ายที่สุดคือการเพิ่มยอดขาย
- บรรลุเป้าหมายแคมเปญที่สมดุล พิจารณาสร้างสมดุลการใช้จ่ายไปกับคลังสินค้าที่เป็นเจ้าของและดำเนินการโดย Amazon (โฆษณาบน Amazon.it) และคลังสินค้านอกสถานที่ (โฆษณานอก Amazon.it)
- เพิ่มการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย ลองลงทุนในคลังสินค้า เช่น Fire TV หรือ Twitch เพื่อช่วยเพิ่มการมองเห็นของแบรนด์ของคุณต่อกลุ่มเป้าหมายที่แตกต่าง
ผู้โฆษณาที่มีประสิทธิภาพสูงสุดมีแนวโน้มที่จะใช้ Sponsored Brands บน Amazon.it มากกว่า 2.1 เท่า
Sponsored Brands ได้แสดงให้เห็นว่าเป็นตัวสร้างความแตกต่างที่สำคัญระหว่างผู้โฆษณาด้านความงามที่มีประสิทธิภาพสูงสุดและที่มีประสิทธิภาพต่ำสุดบน Amazon.it เช่นเดียวกับผลลัพธ์ที่เห็นได้บน Amazon DSP อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่ควรทราบคือ Sponsored Brands เป็นข้อเสนอบน Amazon.it ในขณะที่ Amazon DSP สามารถเข้าถึงลูกค้าทั้งในและนอก Amazon.it การวิเคราะห์ของเราพบว่าผู้โฆษณาที่มีประสิทธิภาพสูงสุด 80% ได้นำ Sponsored Brands มาใช้ ในขณะที่มีเพียง 37% ในผู้โฆษณาที่มีประสิทธิภาพต่ำกว่า
เปอร์เซ็นต์ของผู้โฆษณาที่นำ Sponsored Brands มาใช้
![80%](https://m.media-amazon.com/images/G/01/AdProductsWebsite/ab/22.6.8._TTW_.png)
ผู้โฆษณาที่มีประสิทธิภาพสูงสุด
![37%](https://m.media-amazon.com/images/G/01/AdProductsWebsite/ab/22.6.10._TTW_.png)
ผู้โฆษณาที่มีประสิทธิภาพต่ำกว่า
สิ่งที่ต้องพิจารณาเมื่อเปิดใช้งาน Sponsored Brands
- สร้างหน้าแรกแบบกำหนดเอง เชื่อมโยงไปยัง ร้านค้า ของแบรนด์เพื่อช่วยเพิ่มการรับรู้ ภายในพอร์ตโฟลิโอของแบรนด์ของคุณ และเชื่อมโยงไปยังหน้ารายละเอียดสินค้าเพื่อช่วยผลักดันคอนเวอร์ชัน
สรุป
จากการวิเคราะห์ของเรา ร่วมกับโมเดลแมชชีนเลิร์นนิงภายใต้การดูแลของเรา เราได้ระบุความแตกต่างที่สำคัญสองประการระหว่างผู้โฆษณาด้านความงามที่มีประสิทธิภาพสูงสุดและที่มีประสิทธิภาพต่ำกว่าบน Amazon.it ไว้ดังนี้ (1) พิจารณานำ Amazon DSP มาใช้ในการโฆษณาทั้งในและนอก Amazon.it (2) พิจารณาการนำ Sponsored Brands มาใช้เพื่อจัดแสดงสินค้าทั้งหมดที่คุณมี
ระเบียบวิธี
อันดับแรก เราจะใช้โมเดลที่มีการกำกับดูแลเพื่อระบุรายการของคุณลักษณะที่จะช่วยปรับปรุงคะแนนรวมให้ดีขึ้นสำหรับสื่อและคุณลักษณะการค้าปลีกมากกว่า 40 รายการ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เราปฏิบัติตามกระบวนการห้าขั้นตอนเพื่อสร้างชุดเมทริกซ์ความสำเร็จ ซึ่งรวมถึงจำนวนการเปิดดูหน้ารายละเอียด ยอดขาย และการค้นหาแบบระบุแบรนด์ จากนั้นจึงทำการระบุกลยุทธ์การค้าปลีกและการโฆษณาระดับสูงเพื่อช่วยเพิ่มเมทริกซ์ความสำเร็จให้กับอัลกอริทึมแมชชีนเลิร์นนิง
- เลือกแบรนด์ เราได้ทำการศึกษาผู้โฆษณา 561 รายในหมวดหมู่ความงามบน Amazon.it ระหว่างเดือนมกราคม 2019 ถึงเดือนธันวาคม 2020
- สร้างเมทริกซ์ความสำเร็จ ความสำเร็จคำนวนจากการเติบโตแบบปีต่อปีของจำนวนการเปิดดูหน้ารายละเอียด ยอดขาย และการค้นหาที่ระบุแบรนด์
- จัดกลุ่มแบรนด์ ผู้โฆษณาถูกจัดกลุ่มตามคะแนนรวม (จำนวนการเปิดดูหน้ารายละเอียด ยอดขาย และการค้นหาแบบระบุแบรนด์) ออกเป็น 5 กลุ่มซึ่งจัดอันดับจากที่มีประสิทธิภาพสูงสุดจนถึงต่ำที่สุด เมื่อใช้คุณสมบัติที่ระบุและน้ำหนักดังกล่าวข้างต้นแล้ว เราก็จะใช้อัลกอริทึมการจัดกลุ่ม k-medoid เพื่อจำแนกผู้โฆษณาเหล่านี้ออกเป็นกลุ่ม สุดท้าย เราได้จัดอันดับกลุ่มต่าง ๆ ด้วยคะแนนรวมจากสูงไปต่ำของพวกเขา กลุ่มที่ 1 เป็นกลุ่มที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดด้วยคะแนนรวมสูงสุด และกลุ่มที่ 5 คือกลุ่มที่ประสบความสำเร็จน้อยที่สุด
- ระบุโฆษณาหรือการดำเนินการค้าปลีกที่มีประสิทธิภาพ เราได้ระบุการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพสูงสุดเพื่อช่วยเพิ่มคะแนนรวม (การดำเนินงานที่ทำให้จำนวนการเปิดดูหน้ารายละเอียด ยอดขาย และการค้นหาแบบระบุแบรนด์เติบโตขึ้นแบบปีต่อปี) การดำเนินงานดังกล่าว ได้แก่ รีวิวจากลูกค้า สินค้าโฆษณา (Amazon DSP, Sponsored Products, Sponsored Brands, Fire TV ฯลฯ) กลยุทธ์โฆษณา (คีย์เวิร์ดในเชิงลบ เปิดเสมอ เซ็กเมนต์กลุ่มเป้าหมาย ฯลฯ) และอื่น ๆ
- เปรียบเทียบกลุ่มแบรนด์ เราได้ระบุกลยุทธ์ที่ผู้โฆษณาที่มีประสิทธิภาพสูงสุด (กลุ่มที่หนึ่ง) ใช้เพื่อเพิ่มการเติบโตแบบปีต่อปีสำหรับจำนวนการเปิดดูหน้ารายละเอียด ยอดขาย และการค้นหาแบบระบุแบรนด์ โดยเปรียบเทียบกับสิ่งที่แบรนด์ที่มีประสิทธิภาพต่ำกว่า (กลุ่มที่ห้า) ใช้หรือไม่ได้ใช้