คู่มือ

Sponsored Brands Reserve Share of Voice: วิธีคงการมองเห็นที่ด้านบนสุดของการค้นหาสำหรับแบรนด์ของคุณ

เข้าถึงผู้ซื้อตอนที่พวกเขาค้นหาแบรนด์ของคุณ Sponsored Brands reserve Share of voice จะทำให้เกิดการมองเห็นอย่างสม่ำเสมอที่ด้านบนสุดของการค้นหาเมื่อใช้คีย์เวิร์ดที่มีชื่อแบรนด์ ซึ่งจะช่วยสร้างความไว้วางให้นักช้อป และกระตุ้นการมีส่วนร่วมที่มีความหมายในช่วงเวลาที่มีเจตนาซื้อสูง

Sponsored Brands Reserve Share of Voice คืออะไร

Sponsored Brands Reserve Share of Voice เป็นประเภทแคมเปญตามเป้าหมายที่ช่วยให้ผู้โฆษณาสามารถคงการมองเห็นที่ด้านบนสุดของการค้นหาอย่างสม่ำเสมอเมื่อมีการใช้คีย์เวิร์ดที่มีชื่อแบรนด์ในราคาที่คงที่ที่มีการชำระล่วงหน้า เมื่อผู้ซื้อค้นหาแบรนด์ของคุณ โฆษณา Sponsored Brands ของคุณจะปรากฏขึ้นในตำแหน่งที่โดดเด่นที่สุดแห่งหนึ่ง ซึ่งช่วยเสริมสร้าง ความไว้วางใจ และการยอมรับให้กับแบรนด์ โซลูชันนี้ช่วยให้ผู้โฆษณาสามารถเข้าถึงช่วงเวลาที่มีความตั้งใจซื้อสูงที่คาดเดาได้ เป็นการลดความยุ่งยากในการวางแผนด้วยโครงสร้างราคาแบบคงที่ และช่วยให้ผู้ซื้อเห็น ประสบการณ์แบรนด์ ที่เกี่ยวข้องเวลาที่พวกเขาพร้อมจะมีส่วนร่วม

ตัวอย่างของ Sponsored Brands Reserve Share of Voice

ตัวอย่างของ Sponsored Brands Reserve Share of Voice

เหตุใดจึงควรใช้ Sponsored Brands Reserve Share of Voice

Sponsored Brands Reserve Share of Voice ช่วยให้แบรนด์ของคุณปรากฏขึ้นในช่วงเวลาที่สำคัญที่สุด โดยการทำให้โฆษณา Sponsored Brands ปรากฎขึ้นที่ด้านบนสุดของการค้นหาเวลาที่มีการใช้คีย์เวิร์ดที่มีชื่อแบรนด์ ผู้ซื้อมักจะค้นหาแบรนด์ที่พวกเขารู้จักและเชื่อถือได้โดยตรง และการค้นหาที่มีชื่อแบรนด์เหล่านี้แสดงให้เห็นถึงช่วงเวลาที่มีเจตนาซื้อสูงที่สุดใน Amazon

การทดลองเบต้าของเรากับผู้โฆษณาแสดงให้เห็นว่าเมื่อเปรียบเทียบประสิทธิภาพของผู้เข้าร่วมทดลองเหล่านี้ในคำค้นหาที่มีชื่อแบรนด์แบบเดียวกัน reserve share of voice: 1

  • จะเพิ่ม ส่วนแบ่งการแสดงผลด้านบนสุดของการค้นหาสำหรับโฆษณา Sponsored Brand จากคีย์เวิร์ดที่จองไว้จาก 62.7% เป็น 99.3%
  • เพิ่ม อัตราการคลิกผ่าน จาก 3.5% เป็น 4.1%
  • เพิ่ม ยอดขายที่เกิดจากการคลิก ได้ 143%
  • ลด ยอดขายที่ด้านบนสุดของการค้นหาที่สูญเสียไป จาก 10.3% เหลือ 0.3%

Reserve Share of voice ช่วยให้แบรนด์ของคุณสามารถเปลี่ยนเจตนาในการค้นหาที่มีชื่อแบรนด์ให้กลายเป็นการมีส่วนร่วมที่มีความหมายและผลลัพธ์ที่ตรวจวัดได้

Reserve Share of Voice ทำงานอย่างไร

Reserve Share of voice ใช้วิธีการที่ให้ผู้โฆษณาจองคีย์เวิร์ดที่มีชื่อแบรนด์ของตนเพื่อให้โฆษณา Sponsored Brands ไปปรากฎอยู่ด้านบนสุดของการค้นหาในราคาคงที่ที่ต้องชำระล่วงหน้า วิธีนี้ช่วยให้สามารถมองเห็นได้อย่างสม่ำเสมอเวลาที่ผู้ซื้อค้นหาแบรนด์ของคุณ ช่วยให้สามารถเข้าถึงช่วงเวลาที่มีเจตนาซื้อสูงที่คาดเดาได้ และทำให้การวางแผนแคมเปญทำได้ง่ายขึ้น

วิธีการมีดังนี้:

  1. เลือกและจอง คำที่มีชื่อแบรนด์ที่จับคู่แบบตรงตัวในคอนโซลการโฆษณา เพื่อจองตำแหน่งการมองเห็นที่สามารถคาดเดาได้ให้กับโฆษณา Sponsored Brands ที่ด้านบนสุดของการค้นหาบนเดสก์ท็อปและมือถือ
  2. ใช้แอสเซท Sponsored Brands ที่มีอยู่ (เช่น โลโก้ พาดหัว คอลเลกชัน หรือวิดีโอ) เพื่อสร้างแคมเปญและทำให้การตั้งค่าโฆษณาเป็นเรื่องง่าย
  3. เวลาที่ผู้ซื้อทำการค้นหาโดยใช้คีย์เวิร์ดที่มีชื่อแบรนด์ที่คุณจองไว้ โฆษณาของคุณจะปรากฏในตำแหน่ง Sponsored Brands ด้านบนสุดของการค้นหาที่มีการปรับไว้เพื่อให้เกิดความเกี่ยวข้องและประสบการณ์ของลูกค้าที่ดีขึ้น

โฆษณาของฉันจะปรากฎอยู่ที่ไหน

Reserve share of voice จะปรากฏในตำแหน่งของโฆษณา Sponsored Brands ที่ด้านบนสุดของการค้นหาทั้งบนเดสก์ท็อปและมือถือ นี่เป็นตำแหน่งที่โดดเด่นที่สุดในหน้าผลการค้นหา ซึ่งนักช้อปจะเริ่มต้นเส้นทางการซื้อและมองหาแบรนด์ที่พวกเขารู้จักและไว้วางใจอย่างกระตือรือร้น

เคล็ดลับมือโปร: วางแผนสำหรับช่วงเวลาการช้อปปิ้งสำคัญ

จองคีย์เวิร์ดที่มีชื่อแบรนด์ของคุณก่อนช่วงเวลาจับจ่ายสูงสุด เช่น ช่วงเปิดตัวสินค้า กิจกรรมตามฤดูกาล หรือ Prime Day เพื่อรักษาการมองเห็นที่ตำแหน่งบนสุดของหน้าการค้นหาในเวลาที่ความตั้งใจของผู้ซื้อสูงที่สุด สิ่งนี้ช่วยให้มั่นใจได้ว่าแบรนด์ของคุณจะยังอยู่ตรงกลางด้านหน้าในช่วงเวลาที่สำคัญในการค้นพบและการซื้อสินค้า

วิธีเริ่มต้นใช้งาน Reserve Share of Voice

คุณสามารถสร้างแคมเปญ Reserve Share of Voice ได้โดยตรงในคอนโซล Amazon Ads โดยใช้เวิร์กโฟลว์เดียวกับแคมเปญของ Sponsored Brands ที่คุณรู้จักอยู่แล้ว เริ่มต้นในสามขั้นตอนง่าย ๆ:

1. เลือกคีย์เวิร์ดที่มีชื่อแบรนด์

เลือกวลีที่มีชื่อแบรนด์แบบตรงตัวที่คุณต้องการจอง (เช่น ชื่อแบรนด์หรือชื่อสินค้าหลัก) ระบบจะตรวจสอบคุณสมบัติของคีย์เวิร์ดและแจ้งราคาคงที่ตามปริมาณการใช้งานในอดีตและความพร้อมใช้งาน

2. ตั้งค่ารายละเอียดแคมเปญ

กำหนดระยะเวลาการจองของคุณและยืนยันงบประมาณของคุณ เนื่องจาก Reserve Share of voice จะใช้ราคาคงที่ที่ต้องชำระล่วงหน้า คุณจึงสามารถวางแผนการเปิดตัวหรือช่วงจับจ่ายสูงสุดของฤดูกาลได้อย่างมั่นใจโดยไม่ต้องคอยทำการปรับราคาประมูลอยู่ตลอด

3. อัปโหลดโฆษณา Sponsored Brands ของคุณ

ใช้แอสเซทที่มีอยู่ (เช่น โลโก้ พาดหัว คอลเลกชัน หรือวิดีโอ) เพื่อแสดงข้อความของแบรนด์คุณ เมื่อผ่านการอนุมัติแล้ว โฆษณาของคุณจะเริ่มปรากฏในตำแหน่ง Sponsored Brands ด้านบนสุดของหน้าการค้นหาเมื่อมีการใช้คีย์เวิร์ดที่มีชื่อแบรนด์ที่คุณจองไว้

เคล็ดลับสำหรับมือโปร

  • วางแผนล่วงหน้าสำหรับช่วงที่มีความต้องการสินค้าสูงสุด: จองคีย์เวิร์ดที่มีชื่อแบรนด์ของคุณก่อนช่วงกิจกรรมสำคัญ เช่น การเปิดตัวสินค้าหรือวันหยุด เพื่อให้ถูกมองเห็นที่ด้านบนสุดของการค้นหาเวลาที่ความตั้งใจซื้อของผู้ซื้อสูงที่สุด
  • รีเฟรชชิ้นงานโฆษณา: อัปเดตชิ้นงานโฆษณา Sponsored Brands เป็นระยะ ๆ (เช่น ใช้รูปภาพตามฤดูกาลหรือการส่งข้อความ) เพื่อให้โฆษณาของคุณสดใหม่และมีความเกี่ยวข้องตลอดระยะเวลาการจองของคุณ

การตั้งค่าแคมเปญและคุณสมบัติ

ผู้โฆษณาที่ลงทะเบียนใน การลงทะเบียนแบรนด์ Amazon ที่สามารถใช้แคมเปญ Sponsored Brands จะสามารถใช้งาน Reserve Share of voice ได้ ซึ่งช่วยให้มั่นใจได้ว่าเจ้าของแบรนด์ที่ได้รับการยืนยันแล้วเท่านั้นจึงจะสามารถจองคีย์เวิร์ดที่มีชื่อแบรนด์และควบคุมการปรากฎตัวของแบรนด์ของตนในผลการค้นหาได้

ข้อกำหนดความเข้าเกณฑ์

  • คุณต้องลงทะเบียนในการลงทะเบียนแบรนด์ Amazon
  • แคมเปญของคุณจะต้องใช้รูปแบบโฆษณา Sponsored Brands (โลโก้ พาดหัว คอลเลกชัน หรือวิดีโอ)
  • สามารถทำการจองได้เฉพาะคีย์เวิร์ดที่มีชื่อแบรนด์ (เช่น คำที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับชื่อแบรนด์หรือสินค้าที่มีเครื่องหมายการค้า) เท่านั้น

คีย์เวิร์ดต้องผ่านกระบวนการตรวจสอบแบรนด์ของ Amazon เพื่อยืนยันความเป็นเจ้าของและความเกี่ยวข้อง ใช้คำสั่ง “ติดต่อเราเพื่อขอความช่วยเหลือ” ในคอนโซลโฆษณาเพื่อดูคีย์เวิร์ดที่อยู่ในกระบวนการอุทธรณ์ได้ถ้าจำเป็น

ภาพรวมการตั้งค่าแคมเปญ

  1. เริ่มใช้งานแคมเปญ Sponsored Brands ใหม่ใน คอนโซล Amazon Ads
  2. เลือกเป้าหมาย “Reserve Share of voice” วิธีนี้จะช่วยให้สามารถใช้ราคาคงที่และสามารถทำการจองตำแหน่งโฆษณา Sponsored Brands ที่ด้านบนสุดของการค้นหาได้
  3. ใส่คีย์เวิร์ดที่มีชื่อแบรนด์ ระบบจะทำการตรวจคุณสมบัติและให้จำนวนการเข้าชมโดยประมาณและราคาสำหรับคีย์เวิร์ดแต่ละคำ
  4. เลือกระยะเวลาการจองของคุณ เลือกระยะเวลาแคมเปญ (เช่น 30—90 วัน) โดยดูจากความต้องการตามฤดูกาลหรือโปรโมชันของแบรนด์ของคุณ
  5. อัปโหลดชิ้นงานโฆษณาของคุณ ใช้แอสเซทของ Sponsored Brands ที่มีอยู่ เช่น โลโก้แบรนด์ พาดหัว คอลเลกชัน หรือวิดีโอ
การจองคีย์เวิร์ด Sponsored Brands Reserve Share of Voice

การจองคีย์เวิร์ด Sponsored Brands Reserve Share of Voice

แนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดสำหรับชิ้นงานโฆษณา

ชิ้นงานโฆษณาที่แข็งแกร่งสามารถทำให้แคมเปญ reserve Share of voice ของคุณมีความโดดเด่นและกระตุ้นการมีส่วนร่วมในเวลาที่ผู้ซื้อค้นหาแบรนด์ของคุณ เนื่องจากโฆษณาเหล่านี้จะปรากฎอยู่ที่หนึ่งในตำแหน่งที่โดดเด่นที่สุดใน Amazon ซึ่งก็คือตำแหน่ง Sponsored Brands ที่ด้านบนสุดของหน้าการค้นหา โฆษณาของคุณจึงควรถ่ายทอดเรื่องราวของแบรนด์ของคุณอย่างชัดเจนและทำให้ผู้ซื้อสามารถดำเนินการได้ง่าย

1. เป็นผู้นำด้วยการจดจำแบรนด์

  • แสดงโลโก้แบรนด์ของคุณให้เด่นชัดเพื่อเสริมการรับรู้และความไว้วางใจ
  • ใช้พาดหัวที่สั้น ชัดเจน และสอดคล้องกับคีย์เวิร์ดที่มีชื่อแบรนด์ (เช่น “ค้นพบข้อมูลล่าสุดของ [ชื่อแบรนด์]”)
  • ใช้สีของแบรนด์ แบบอักษร และโทนสีที่สอดคล้องกันเพื่อรักษาเอกลักษณ์ของแบรนด์ในโฆษณาและหน้า ร้านค้าแบรนด์

2. จัดแสดงสินค้าที่ดีที่สุดของคุณ

  • เน้นสินค้าที่ขายดีที่สุดหรือสินค้าเรือธงที่แสดงถึงคุณภาพและความน่าสนใจของแบรนด์คุณ
  • ใช้ภาพความละเอียดสูงหรือภาพไลฟ์สไตล์ที่แสดงให้เห็นสินค้าขณะที่ใช้งานจริง

3. ส่งข้อความที่เรียบง่ายและมีความเกี่ยวข้อง

  • จับคู่ข้อความโฆษณาของคุณกับความตั้งใจของผู้ซื้อที่อยู่เบื้องหลังคีย์เวิร์ดที่คุณจองไว้
  • มุ่งเน้นไปที่ประโยชน์หรือการสร้างความแตกต่าง (เช่น “ยกระดับตอนเช้าของคุณด้วยการชงกาแฟที่เหมือนมีบาริสต้ามาชงให้จาก Kitchen Smart”)
  • หลีกเลี่ยงภาษาที่ส่งเสริมการขายมากเกินไป แค่ให้ข้อมูลที่เป็นจริง และให้ความสำคัญกับลูกค้า

4. ใช้ร้านค้าแบรนด์ของคุณเป็นจุดหมายปลายทาง

  • เชื่อมโยงโฆษณาของคุณกับร้านค้าแบรนด์เพื่อมอบประสบการณ์การช้อปปิ้งแบบมีชื่อแบรนด์ที่ราบรื่น
  • ตรวจสอบให้แน่ใจว่าร้านค้าแบรนด์ของคุณได้รับการอัปเดตทั้งรูปภาพ การนำทาง และสินค้าที่นำมาจัดแสดง

5. รีเฟรชและเพิ่มประสิทธิภาพเมื่อเวลาผ่านไป

  • อัปเดตโฆษณาของคุณเป็นระยะ ๆ เพื่อให้สะท้อนถึงกิจกรรมตามฤดูกาล การเปิดตัวใหม่ หรือการเรียนรู้เกี่ยวกับแคมเปญ
  • ทดสอบรูปภาพหรือพาดหัวหลาย ๆ แบบเพื่อหาว่าแบบไหนตรงใจกลุ่มเป้าหมายของคุณมากที่สุด
  • ตรวจสอบตัวชี้วัดการรายงาน เช่น อัตราการคลิกผ่าน (CTR) และคำสั่งซื้อต่อการค้นหา (OPS) เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพของโฆษณา

เคล็ดลับมือโปร: จับคู่กับวิดีโอ

หากต้องการสร้างผลกระทบที่มากขึ้น ให้ใช้วิดีโอโฆษณาที่มีคีย์เวิร์ดที่คุณจองไว้เพื่อทำให้สินค้าของคุณมีชีวิตชีวาและดึงดูดความสนใจของนักช้อปที่มีความตั้งใจซื้อสูง

การวัดความสำเร็จ

นอกเหนือจาก ตัวชี้วัดการรายงานที่มีอยู่ คุณยังสามารถติดตามส่วนแบ่งการแสดงผลที่ด้านบนสุดของการค้นหาเพื่อทำความเข้าใจการมองเห็นที่เกิดขึ้นกับคีย์เวิร์ดที่มีชื่อแบรนด์ที่คุณจองไว้ พร้อมกับ CTR เพื่อตรวจวัดการมีส่วนร่วมของผู้ซื้อ สำหรับประสิทธิภาพ ให้ดูที่ตัวชี้วัด เช่น ยอดขายที่เกิดจากการคลิก คำสั่งซื้อทั้งหมด และการขายจากลูกค้าใหม่ของแบรนด์เพื่อชี้วัดประสิทธิภาพของแคมเปญ นอกจากนี้ ตัวชี้วัดยอดขายที่ด้านบนสุดของการค้นหาที่สูญเสียไปที่อยู่ใน คอนโซลโฆษณา ใต้แท็บข้อมูลเชิงลึกและการวางแผนในรายงานส่วนแบ่งการแสดงผลของแบรนด์จะช่วยให้ผู้โฆษณาสามารถหาโอกาสในการขายที่ได้กลับมาจากการมองเห็นที่มีการจองไว้

เพิ่มประสิทธิภาพแคมเปญของคุณ

การเพิ่มประสิทธิภาพให้กับ reserve Share of voice เป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับตำแหน่งโฆษณาที่คุณจองไว้ให้ได้สูงสุดเมื่อเวลาผ่านไป หมั่นปรับแต่งโฆษณา การเลือกคีย์เวิร์ด และระยะเวลาการจองของคุณอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ยังคงความเกี่ยวข้องและสร้างผลกระทบที่สม่ำเสมอ นี่คือสามเคล็ดลับสำหรับมืออาชีพที่จะช่วยให้คุณได้ประโยชน์สูงสุดจากแคมเปญของคุณ:

  • รีเฟรชชิ้นงานโฆษณาของคุณ: สับเปลี่ยนโฆษณา Sponsored Brands เพื่อให้โฆษณาของคุณมีส่วนร่วมและสอดคล้องกับธีมตามฤดูกาลหรือการเปิดตัวสินค้า รูปภาพที่แข็งแกร่งและการส่งข้อความที่ชัดเจนจะช่วยเสริมการจดจำแบรนด์ที่ด้านบนสุดของการค้นหา
  • วิเคราะห์ตัวชี้วัดประสิทธิภาพ: ใช้ข้อมูลเชิงลึก เช่น ส่วนแบ่งการแสดงผลด้านบนสุดของการค้นหา, CTR, และยอดขายที่เกิดจากการคลิกเพื่อทำความเข้าใจสิ่งที่สะท้อนออกมา ตรวจสอบตัวชี้วัดยอดขายที่ด้านบนสุดของการค้นหาที่สูญเสียไปในรายงานส่วนแบ่งการแสดงผลของแบรนด์ใต้หัวข้อข้อมูลเชิงลึกและการวางแผนในคอนโซลโฆษณา เพื่อหาว่าการมองเห็นที่เพิ่มขึ้นจะช่วยดึงโอกาสในการขายที่สูญหายไปกลับมาได้ที่ใด
  • ปรับเวลาและการกำหนดเป้าหมาย: จัดช่วงเวลาการจองให้สอดคล้องกับช่วงเวลาสำคัญในการค้าปลีก เช่น การเปิดตัวสินค้า วันหยุด หรือกิจกรรมหมวดหมู่ ลองทำการจองชุดคีย์เวิร์ดที่มีชื่อแบรนด์ที่แตกต่างกันในหลาย ๆ แคมเปญเพื่อดึงดูดเซ็กเมนต์กลุ่มเป้าหมายหรือกลุ่มสินค้าที่ไม่ซ้ำกัน
  • เพิ่มประสิทธิภาพเพื่อการมองเห็นอย่างยั่งยืน: ตรวจสอบตัวชี้วัดแคมเปญของคุณเป็นประจำและต่ออายุการจองที่มีประสิทธิภาพสูงก่อนหมดอายุเพื่อรักษาการมองเห็นและการปรากฎตัวของแบรนด์อย่างสม่ำเสมอตลอดทั้งฤดูกาลการช้อปปิ้ง

คำถามที่พบบ่อย

ใครบ้างที่มีสิทธิ์ใช้ reserve Share of voice

ผู้โฆษณาทุกรายที่ลงทะเบียนใน การลงทะเบียนแบรนด์ Amazon ที่กำลังใช้แคมเปญ Sponsored Brands อยู่มีสิทธิ์ใช้งานได้ หากพวกเขาสามารถจองคีย์เวิร์ดที่มีชื่อแบรนด์อย่างน้อยห้าคำและมีค่าใช้จ่ายขั้นต่ำ $6,000 ต่อแคมเปญสำหรับตลาดในสหรัฐอเมริกา

Reserve Share of voice แตกต่างจากรูปแบบการประมูลอย่างไร

Reserve Share of voice มีการรับประกันให้กับคีย์เวิร์ดที่มีชื่อแบรนด์ที่จองไว้ในราคาคงที่ต่อการแสดงผลพันครั้ง (CPM) ซึ่งแตกต่างจากการประมูลที่การมองเห็นและค่าใช้จ่ายจะแตกต่างกันไป สิ่งนี้ทำให้ผู้โฆษณาสามารถควบคุมการปรากฏตัวที่ด้านบนสุดของการค้นหาของโฆษณา Sponsored Brands ของตนได้

รองรับรูปแบบโฆษณาอะไรบ้าง

Reserve Share of voice รองรับ วิดีโอ Sponsored Brands สปอตไลท์ร้านค้า และคอลเลกชัน รูปแบบเหล่านี้ช่วยให้ผู้โฆษณาสามารถแสดงเรื่องราวของแบรนด์ เน้นสินค้าหมวดหมู่สำคัญ และมีส่วนร่วมกับผู้ซื้อผ่านโฆษณาของแบรนด์ที่หลากหลาย

ฉันสามารถจองคีย์เวิร์ดทั่วไปหรือคีย์เวิร์ดของคู่แข่งได้หรือไม่

ไม่ได้ คุณสามารถจองได้เฉพาะคีย์เวิร์ดที่มีชื่อแบรนด์แบบตรงตัวเท่านั้น ไม่สามารถจองคำทั่วไป คำสะกดผิด ชื่อแบรนด์คู่แข่ง และเครื่องหมายการค้าที่ใช้ร่วมกันอย่างแพร่หลายได้ ผู้โฆษณาอาจขออุทธรณ์ได้หากมีกรณีที่ไม่ชัดเจนพร้อมหลักฐานความเป็นเจ้าของผ่านคำสั่ง “ติดต่อเรา” ในคอนโซลโฆษณา

ผู้โฆษณาสังเกตเห็นอะไรระหว่างการทดสอบเบต้า

การนำร่องช่วงแรก ๆ ที่มีผู้โฆษณาทั่วโลกเข้าร่วมในการทดสอบเบต้าได้แสดงให้เห็นถึงผลกระทบที่ตรวจวัดได้ของฟีเจอร์นี้ เมื่อเปรียบเทียบประสิทธิภาพของผู้โฆษณาที่เข้าร่วมในคำค้นหาที่มีแบรนด์เดียวกัน reserve Share of voice:2

  • เพิ่มส่วนแบ่งการแสดงผลที่ด้านบนสุดของการค้นหาของ Sponsored Brands จาก 62.7% เป็น 99.3%
  • เพิ่มยอดขายที่เกิดจากการคลิกได้ 143%
  • ลดยอดขายที่ด้านบนสุดของการค้นหาที่สูญเสียไปจาก 10.3% เป็น 0.3%
  • เพิ่มอัตราการคลิกผ่านจาก 3.5% เป็น 4.1%
นักช้อปจะได้ประโยชน์อะไร

นักช้อปจะมองเห็นแบรนด์ที่ตนกำลังมองหาอยู่ด้านบนสุดของผลการค้นหาอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งช่วยลดอุปสรรคและความสับสน วิธีนี้จะช่วยสร้างประสบการณ์ที่มีความเกี่ยวข้องและน่าเชื่อถือมากขึ้นซึ่งสอดคล้องกับความตั้งใจของผู้ซื้อ

Reserve Share of voice สามารถใช้งานได้ทั่วโลกหรือไม่

Reserve Share of voice มีให้บริการในตลาดที่รองรับ Sponsored Brands 20 แห่ง ได้แก่ สหรัฐอเมริกา แคนาดา เม็กซิโก บราซิล เยอรมนี ฝรั่งเศส อิตาลี สหราชอาณาจักร เบลเยียม โปแลนด์ เนเธอร์แลนด์ สวีเดน ตุรกี ไอร์แลนด์ ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น อินเดีย สิงคโปร์ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และซาอุดีอาระเบีย

เป็นผู้โฆษณาที่ลงทะเบียนแล้วใช่หรือไม่ ลงชื่อเข้าใช้

ที่มา

1-2 ข้อมูลภายใน Amazon, การทดสอบเบต้ากับผู้โฆษณามากกว่า 15 ราย, พฤษภาคม-สิงหาคม 2025