คู่มือ

การตลาดแบบผสานทุกช่องทางคืออะไร คำนิยาม ตัวอย่าง และเคล็ดลับ

การตลาดแบบผสานทุกช่องทางเป็นแนวทางการตลาดแบบองค์รวมที่รวมทุกช่องทางเข้าด้วยกัน ความแตกต่างที่สำคัญระหว่างการตลาดแบบหลายช่องทางและแบบผสานทุกช่องทาง คือการตลาดหลายช่องทางรวมเฉพาะช่องทางเนื้อหาที่ได้รับการคัดเลือกโดยจำกัด ในขณะที่การตลาดแบบรอบช่องทางครอบคลุมทั้งหมดทุกช่องทาง

เริ่มใช้ Amazon Ads เพื่อแสดงสินค้าและสร้างแคมเปญของคุณ

หากคุณมีประสบการณ์จำกัด โปรดติดต่อเราเพื่อขอรับบริการแบบมีการจัดการโดย Amazon Ads มีข้อกำหนดด้านงบประมาณขั้นต่ำ

สร้างโฆษณาแบบต้นทุนต่อคลิก เพื่อช่วยให้ลูกค้าพบสินค้าของคุณบน Amazon

Amazon Ads มีช่องทางของตนเองและมีรูปแบบโฆษณาสร้างสรรค์ที่หลากหลาย จึงช่วยให้นักการตลาดส่งมอบประสบการณ์โฆษณาที่สร้างสรรค์และสมจริงได้

การช้อปปิ้งเป็นประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใครสำหรับทุกคน ไม่ว่าคุณจะเดินเข้าไปในร้านค้าหรือเลื่อนดูจากแอปมือถือ ลองนึกถึงครั้งสุดท้ายที่คุณซื้อสินค้า อะไรที่กระตุ้นให้คุณซื้อกันล่ะ คุณเห็นโฆษณามาหรือเปล่า ได้รับอีเมลหรือเปล่า หรือเดินผ่านแล้วเห็นโฆษณาในห้าง การตลาดเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันของคุณ ไม่ว่าคุณจะสังเกตเห็นหรือไม่ ทุกการปฏิสัมพันธ์กับแบรนด์ตามเส้นทางสำหรับซื้อของคุณ ท้ายที่สุดแล้วล้วนมีบทบาทต่อการตัดสินใจซื้อสินค้า ดังนั้นแบรนด์จะมั่นใจได้อย่างไรว่าสามารถเข้าถึงนักช้อปได้ในแต่ละขั้นตอน

คำตอบคือกลยุทธ์แบบผสานทุกช่องทาง กลยุทธ์การตลาด แบบผสานทุกช่องทางสามารถช่วยให้คุณรวมช่องทั้งหมดของคุณได้อย่างราบรื่น และทำให้กลยุทธ์ทางการตลาดจำนวนมากทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล ด้วยการทำความเข้าใจว่าลูกค้าเลือกซื้อสินค้าอย่างไร คุณสามารถใช้แนวทางการยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลางเพื่อเชื่อมต่อกับกลุ่มเป้าหมายในช่องทางต่าง ๆ ได้ ในขณะที่พวกเขากำลังก้าวไปสู่ขั้นตอนการซื้อ การเพิ่มขึ้นของจุดที่ลูกค้าเจอสินค้าที่เปิดใช้งานเทคโนโลยีและโอกาสในการช้อปปิ้งที่ไม่เหมือนใคร ทำให้ผู้บริโภคคาดหวังมากขึ้นจากแบรนด์ นั่นเป็นเหตุผลที่สิ่งสำคัญคือการรวมทุกช่องทางของแบรนด์เข้ากับกลยุทธ์แบบผสานทุกช่องทางของคุณ

ก่อนที่เราจะไปไกลกว่านี้ มาดูความหมายของแต่ละคำกันก่อน

การผสานทุกช่องทางคืออะไร

ในด้านการตลาด คำว่าผสานทุกช่องทาง หมายถึงแนวทางที่เน้นลูกค้าเป็นศูนย์กลางซึ่งผสานรวมทุกช่องทาง ส่งมอบประสบการณ์แบรนด์ที่เป็นหนึ่งเดียวและสอดคล้องกันทั่วทั้งร้านค้าจริง แอป และเว็บไซต์ ซึ่งช่วยให้ลูกค้าสามารถโต้ตอบกับแบรนด์บนแพลตฟอร์มต่าง ๆ ได้อย่างราบรื่น ช่วยยกระดับประสบการณ์ของแบรนด์โดยรวม

กลยุทธ์แบบผสานทุกช่องทางคืออะไร

“กลยุทธ์แบบผสานทุกช่องทาง” หมายถึงวิธีการแบบองค์รวมของแบรนด์ในการเข้าถึงลูกค้าผ่านจุดสัมผัสทุกช่องทาง กลยุทธ์แบบผสานทุกช่องทาง แบรนด์มุ่งมั่นที่จะมอบประสบการณ์ที่สอดคล้องและเหนียวแน่นกับลูกค้าทั้งในจุดสัมผัสแบบดิจิทัลและหน้าร้านค้า การเข้าถึงทุกช่องทางให้เป็นส่วนหนึ่งของประสบการณ์แบรนด์เดียว ทุกส่วนจะทำงานร่วมกันเพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายตลอดเส้นทางของลูกค้า

นอกจากนี้ กลยุทธ์แบบผสานทุกช่องทางยังครอบคลุมเส้นทางของลูกค้าทั้งหมด ตั้งแต่การค้นพบแบรนด์ที่จุดเริ่มต้นของกรวยการตลาด ไปจนถึงการซื้อ ความภักดีของลูกค้า และอื่น ๆ กลยุทธ์แบบผสานทุกช่องทางที่ดีจะทำให้เส้นทางการซื้อเป็นไปอย่างราบรื่น เนื่องจากกลุ่มเป้าหมายมีประสบการณ์กับแบรนด์ของคุณแบบเดียวกันในทุกช่องทาง

กลยุทธ์แบบผสานทุกช่องทางและแบบหลายช่องทางแตกต่างกันอย่างไร

ถึงแม้กลยุทธ์แบบผสานทุกช่องทางและกลยุทธ์แบบหลายช่องทางจะคล้ายกัน แต่คุณควรเข้าใจความแตกต่างที่สำคัญเพื่อเลือกใช้กลยุทธ์ที่เหมาะสมกับแบรนด์ของคุณ แบบหลายช่องทาง เป็นคำศัพท์ทั่วไปที่หมายถึงการรวมกลยุทธ์ที่เกี่ยวข้องกับช่องทางมากกว่าหนึ่งช่องทาง ในทางกลับกัน แบบผสานทุกช่องทาง จะเป็นการก้าวขึ้นไปอีกขั้นหนึ่ง โดยการรวบรวมและนับรวมทุก ๆ ช่องทางเข้าด้วยกัน เราลองมาดูความแตกต่างที่สำคัญที่เกิดขึ้นกัน

ประการแรก ประสบการณ์แบบผสานทุกช่องทางจะซับซ้อนกว่าเล็กน้อย และไม่ได้เป็นลักษณะเชิงเส้น ซึ่งสอดคล้องกับลักษณะที่ไม่เป็นเชิงเส้นของเส้นทางของลูกค้าสมัยใหม่ส่วนใหญ่ กลยุทธ์แบบหลายช่องทางมีความตรงไปตรงมามากกว่า และมีเส้นแบ่งระหว่างช่องทางที่เป็นเส้นตรง

ประการต่อมา แนวทางแบบผสานทุกช่องทางสามารถใช้เป็นโมเดลธุรกิจที่ครอบคลุมได้ ในขณะที่กลยุทธ์แบบหลายช่องทางใช้งานได้ง่ายกว่า ดังนั้น แนวทางแบบหลายช่องทางอาจขาดการบูรณาการของระบบหลังบ้าน แต่แนวทางแบบหนึ่งช่องทางไม่สามารถโอนข้อมูลการมีส่วนร่วมของกลุ่มเป้าหมายไปยังอีกช่องทางหนึ่งได้ ตัวอย่างเช่น ช่องทางในกลยุทธ์แบบผสานทุกช่องทางสามารถอัปเดตข้อมูลตามเวลาจริง เช่น การส่งอีเมลแจ้งเตือนเกี่ยวกับสินค้าที่ลูกค้าแสดงความสนใจบนเว็บไซต์ เพื่อให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่มีประโยชน์และมีความเกี่ยวข้องมากขึ้นในช่องทางต่าง ๆ เหล่านี้ วิธีการแบบหลายช่องทางไม่สามารถให้ประสบการณ์ที่ราบรื่นแบบนี้ได้

กลยุทธ์แบบผสานทุกช่องทางจะชาญฉลาดขึ้นเมื่อลูกค้ามีส่วนร่วมกับแบรนด์ในช่องทางต่าง ๆ กลยุทธ์แบบหลายช่องทางขาดความยืดหยุ่น แต่กลยุทธ์แบบผสานทุกช่องทางนั้นมีความลื่นไหล ในทำนองเดียวกัน กลยุทธ์แบบผสานทุกช่องทางมีแนวโน้มมุ่งเน้นไปที่ลูกค้ามากกว่า ในขณะที่กลยุทธ์แบบหลายช่องทางมีแบรนด์เป็นศูนย์กลาง

เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับความแตกต่างระหว่างกลยุทธ์แบบผสานทุกช่องทางกับกลยุทธ์แบบหลายช่องทาง

เหตุใดกลยุทธ์แบบผสานทุกช่องทางถึงมีความสำคัญ

เทคโนโลยีการโฆษณามีความก้าวหน้าขึ้น และพฤติกรรมของผู้บริโภคก็เปลี่ยนไป ดังนั้นการตลาดของคุณจึงจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนตาม การสร้างกลยุทธ์แบบผสานทุกช่องทางจะช่วยให้คุณปรับแต่งข้อความเฉพาะสำหรับกลุ่มเป้าหมายของคุณได้ ไม่ว่าพวกเขาจะพบแบรนด์ของคุณที่ใด กลยุทธ์แบบผสานทุกช่องทางยังช่วยให้มั่นใจได้ว่าการปรากฏตัวของแบรนด์และข้อความจะสอดคล้องกันในทุกช่องทางการตลาดของคุณ

นอกจากนั้นแล้ว กลยุทธ์แบบผสานทุกช่องทางยังมีความสำคัญเพราะการมีปฏิสัมพันธ์ที่สอดคล้องกันสามารถนำไปสู่ประสบการณ์ที่ดีขึ้นของลูกค้าได้ และประสบการณ์ลูกค้าที่ดีขึ้น บวกกับโอกาสในการมีส่วนร่วมที่มากขึ้นในทุกช่องทาง อาจส่งผลให้เกิดคอนเวอร์ชันที่มากขึ้นด้วย

ประการที่สาม กลยุทธ์แบบผสานทุกช่องทางช่วยให้แบรนด์ของคุณมีโอกาสเข้าถึงลูกค้าที่เหมาะสมในเวลาที่เหมาะสมได้ การขยายการเข้าถึงในเชิงรุกที่ได้รับการปรับปรุงนี้สามารถนำไปสู่การปรับการใช้จ่ายในการซื้อสื่อให้เหมาะสม และส่งผลให้ผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI) เพิ่มขึ้น

เมื่อเข้าใจถึงความสำคัญของแนวทางนี้แล้ว มาสำรวจวิธีสร้างกลยุทธ์ของคุณกัน

วิธีการสร้างกลยุทธ์แบบผสานทุกช่องทาง

การสร้างประสบการณ์แบบผสานทุกช่องทางของลูกค้าต้องใช้รากฐานที่มั่นคงและวิธีการแบบบูรณาการ ช่องทางของคุณต้องทำงานอย่างสอดประสานกันเพื่อผลักดันให้เกิดประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าของคุณ ขั้นตอนหลักในการสร้างแนวทางของคุณแบ่งได้เป็น 5 ขั้นตอน ประกอบด้วย: การรวบรวมข้อมูลเชิงลึก การวิเคราะห์ การระบุเซ็กเมนต์ การพัฒนาการพิจารณาโลจิสติกส์ และการปรับการทำงานให้เหมาะสม

ขั้นตอนที่ 1 วิจัยและรวบรวมข้อมูลเชิงลึก

คุณอาจจำได้ว่าแนวทางแบบผสานทุกช่องทางเป็นการเน้นให้ลูกค้าเป็นศูนย์กลาง แต่ก่อนที่คุณจะสามารถสร้างแนวทางแบบยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลางได้ คุณต้องเข้าใจความต้องการของลูกค้าของคุณก่อน

ในการเริ่มต้น การรวบรวมข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับประสบการณ์ของลูกค้าในปัจจุบันถือเป็นเรื่องที่สำคัญ เริ่มต้นจากการสำรวจช่องทางต่าง ๆ ของแบรนด์ด้วยตัวคุณเอง เลื่อนดูเว็บไซต์ ซื้อสินค้า ติดต่อผ่านแช็ตบอตของคุณเอง และลองทำตัวเหมือนตนเองเป็นนักช้อป เป็นประสบการณ์ที่ราบรื่นหรือไม่ มีจุดใดต้องปรับปรุงหรือไม่ มีตรงไหนที่มีขั้นตอนมากเกินไปหรือเปล่า

จากนั้น เริ่มเข้าถึงลูกค้าผ่านแบบสำรวจความคิดเห็นจากลูกค้า (VOC), รีวิวจากลูกค้า หรือการสนทนากลุ่ม ฟังว่าลูกค้าตอบสนองต่อประสบการณ์การช้อปปิ้งอย่างไร พร้อมทั้งเรียนรู้ว่าสิ่งใดใช้ได้ผลและไม่ได้ผลจากมุมมองของลูกค้า การรวบรวมผลตอบรับพื้นฐานและการมุ่งไปยังความคิดจากกลุ่มเป้าหมายโดยตรงจะทำให้คุณตีความได้อย่างแท้จริงว่าคุณควรปรับกลยุทธ์ของคุณไปทิศทางใด

สุดท้าย รวบรวมงานวิจัยจากทีมที่ดูแลส่วนต่างๆ ของธุรกิจ พยายามพูดคุยกับคนในทีมของทุกช่องทาง อาจเป็นผู้ที่เกี่ยวข้องกับด้านการตลาดทางอีเมล หรือแม้แต่แคชเชียร์ที่หน้าร้านค้า การเรียนรู้มุมมองของทีมในด้านที่เขาเชี่ยวชาญจะช่วยให้คุณได้รับข้อมูลวงใน

ขั้นตอนที่ 2 วิเคราะห์ข้อมูล

การเรียนรู้อันมีค่าที่คุณเพิ่งได้รับ จะมีประโยชน์ก็ต่อเมื่อคุณใช้เวลาในการวิเคราะห์และทำความเข้าใจ ดังนั้น ขั้นตอนต่อไปคือการเปลี่ยนงานวิจัยนี้เป็นข้อมูลเชิงลึกที่สามารถนำไปปฏิบัติได้จริง และจำไว้ว่าประสบการณ์นี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับลูกค้า ไม่ใช่แบรนด์ของคุณ การมองลูกค้าเป็นศูนย์กลางในทุกสิ่งที่คุณทำ จะช่วยทำให้เกิดประสบการณ์ที่แท้จริงต่อกลุ่มเป้าหมายของคุณได้

ในทำนองเดียวกัน สิ่งสำคัญคือต้องหลีกเลี่ยงการตั้งสมมติฐาน การสรุปจากประสบการณ์ของคุณเองในฐานะนักช้อปอาจเป็นเรื่องง่าย แต่ไม่จำเป็นว่าคุณจะต้องเป็นกลุ่มเป้าหมายหรือเป็นตัวแทนของประชากรทั้งหมด พยายามพิจารณางานวิจัยด้วยมุมมองใหม่ ๆ เพื่อให้ได้ข้อมูลเชิงลึกแต่ละอย่างได้อย่างแท้จริง

สิ่งสำคัญที่สุดที่จะต้องสังเกตในขั้นตอนนี้คือความต้องการของลูกค้า ความสามารถในการคาดการณ์ความต้องการเหล่านั้นจะช่วยให้คุณผลักดันการเปลี่ยนแปลง และสร้างวิธีการแบบผสานทุกช่องทางได้ในลักษณะที่เป็นประโยชน์และมีประสิทธิภาพ

ขั้นตอนที่ 3 เซ็กเมนต์และการปรับให้เหมาะสม

ตอนนี้คุณเข้าใจลูกค้าของคุณแล้ว ก็ถึงเวลาที่จะสร้างเส้นทางของลูกค้า

วิธีการแบบผสานทุกช่องทางช่วยให้คุณสามารถปรับแต่งข้อความให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมายที่หลากหลายได้ และนี่คือสาเหตุที่ว่าทำไมขั้นตอนเฉพาะที่เป็นส่วนสำคัญนี้ถึงถูกเอาไว้ใช้ในการสร้างเส้นทางของลูกค้า หลังจากคุณเข้าใจวิธีที่กลุ่มเป้าหมายโต้ตอบกับแบรนด์ของคุณแล้ว คุณก็สามารถนำเสนอการโต้ตอบเหล่านั้นและแทรกข้อความของคุณลงในตำแหน่งที่ถูกต้องและในเวลาที่เหมาะสม

ขั้นตอนที่ 4 พิจารณาใช้โลจิสติกส์ที่มีกลยุทธ์มากขึ้น

การมองดูกลยุทธ์แบบผสานทุกช่องทางของคุณจากมุมกว้าง จะสามารถช่วยรักษาความสอดคล้องและช่วยกระตุ้นให้แบรนด์มีเอกลักษณ์ที่เหนียวแน่นได้ และถือเป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องพิจารณาแนวทางด้านโลจิสติกส์ที่เล็กลงแต่มีกลยุทธ์มากขึ้น

ตัวแทนขายของคุณใช้น้ำเสียงของแบรนด์เช่นเดียวกันกับแช็ตบอตออนไลน์ของคุณหรือไม่ คุณเสนอความช่วยเหลือแก่ลูกค้าบนเว็บไซต์หรือเปล่า เมื่อลูกค้าไปถึงขั้นตอนสุดท้าย การชำระเงินเป็นเรื่องง่ายหรือไม่

ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นคำถามที่ควรพิจารณาก่อนที่จะไปต่อยังขั้นตอนสุดท้ายของกระบวนการ

ขั้นตอนที่ 5 ทดสอบ วัดผล และเพิ่มประสิทธิภาพ

ท้ายที่สุด ขั้นตอนสุดท้ายคือการเรียนรู้ต่อไปและการเพิ่มประสิทธิภาพ กลยุทธ์แบบผสานทุกช่องทางของคุณควรพัฒนาอย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกับการตลาดอื่นๆ วิธีนี้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพชิ้นงานโฆษณา ข้อความ และงบประมาณของคุณ เพื่อสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าในระยะยาว และเพิ่ม ROI ของคุณให้สูงสุด

ตัวอย่างการตลาดแบบผสานทุกช่องทาง

โปรดจำไว้ว่า การตลาดแบบผสานทุกช่องทางจะมีการพิจารณาช่องทางทั้งหมด ทั้งจุดที่ลูกค้าเจอสินค้าในร้านค้าและทางออนไลน์ เราลองมาดูตัวอย่างบางส่วนของการตลาดแบบผสานทุกช่องทางเพื่อที่จะได้ไม่พลาดสิ่งใดในขณะสร้างกลยุทธ์ของคุณ

ช่องทางออนไลน์

ช่องทางออนไลน์กำลังมีความสำคัญมากขึ้นอย่างมากเนื่องจากพฤติกรรมของผู้บริโภคกำลังเปลี่ยนไป ตัวอย่างที่ดีของจุดสัมผัสดิจิทัลคือแอพสะสมคะแนนต่างๆ ในมือถือ แอพเหล่านี้ช่วยให้ลูกค้าสามารถสั่งและซื้อสินค้าได้โดยตรงจากโทรศัพท์พร้อมกับรับคะแนนสะสม

อีกตัวอย่างหนึ่งของช่องทางออนไลน์ก็คงจะเป็นการตลาดทางอีเมลในรูปแบบต่างๆ อีเมลเหล่านี้อาจเป็นอีเมลที่ลูกค้าได้รับทันทีหลังจากที่ซื้อสินค้า ซึ่งอาจทำให้เกิดแรงจูงใจให้กลับไปที่ร้านค้าอีกครั้ง อีเมลดังกล่าวอาจรวมถึงคูปอง สินค้าฟรี หรือข้อเสนออื่นๆ ปฏิสัมพันธ์ทางอีเมลอาจเป็นข้อความอ้างอิงการสมัครใช้งานรายสัปดาห์หรือรายเดือนจากแบรนด์ ที่คอยเตือนลูกค้าว่ามีสินค้าหรือบริการใหม่

ช่องทางออนไลน์ยังรวมถึงโซเชียลมีเดียด้วย คุณสามารถทำการตลาดซ้ำไปยังกลุ่มเป้าหมายที่เข้าชมเว็บไซต์ของคุณจากช่องทางโซเชียลมีเดีย เพื่อช่วยให้แบรนด์ของคุณเป็นที่ชื่นชอบที่สุดในครั้งต่อไปที่ช้อป

โฆษณาประเภทนี้และจุดที่ลูกค้าเจอสินค้าออนไลน์รูปแบบอื่นๆ จะทำงานร่วมกัน เพื่อส่งข้อความที่เหมาะสมไปยังกลุ่มเป้าหมาย ความสามารถของเทคโนโลยีและสื่อดิจิทัลช่วยให้กลยุทธ์แบบผสานทุกช่องทางของคุณสอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมายมากยิ่งขึ้น

ช่องทางในร้านค้า

ช่องทางออนไลน์เหล่านั้นยังสามารถทำงานควบคู่ไปกับการตลาดเชิงประสบการณ์ในหน้าร้านค้า กลยุทธ์แบบผสานทุกช่องทางมุ่งมั่นที่จะสร้างประสบการณ์การช้อปปิ้งที่สม่ำเสมอ ไม่ว่าลูกค้าจะมีส่วนร่วมกับแบรนด์ของคุณทางออนไลน์หรือด้วยตัวตนจริงๆ ซึ่งอาจรวมถึงการโต้ตอบกับตัวแทนฝ่ายบริการลูกค้าหรือแคชเชียร์ หรือแม้กระทั่งดูการโฆษณาในร้านค้าและประสบการณ์แบบโต้ตอบ ในขณะที่เทคโนโลยีช่วยให้ด้านออนไลน์เติบโต ประสบการณ์ในร้านค้าเหล่านี้ก็ยังคงมีความหมายอย่างมาก และเป็นประโยชน์สำหรับกลยุทธ์แบบผสานทุกช่องทางที่กว้างขึ้นของคุณได้

Amazon Ads ช่วยได้อย่างไร

Amazon Ads สามารถช่วยให้คุณมีส่วนร่วมกับลูกค้าในหลากหลายช่องทางได้ เรานำเสนอโซลูชัน เช่น การผสานรวมการสตรีมบน Twitch, Sponsored Products ในผลการช้อปปิ้งของ Amazon และอื่นๆ และแนวทางแบบเต็ม funnel ของเราช่วยให้มั่นใจได้ว่าคุณจะพบกลุ่มเป้าหมายของคุณได้ในทุกขั้นตอนของเส้นทาง ช่วยให้ทุกปฏิสัมพันธ์มีความหมาย และมีประสิทธิภาพ

แนวโน้มกลยุทธ์แบบผสานทุกช่องทาง

ตอนนี้คุณก็คุ้นเคยกับภาพรวมของกลยุทธ์แบบผสานทุกช่องทางแล้ว คุณควรพิจารณาแนวโน้มที่สำคัญบางประการดังนี้

  • ลูกค้าจะช้อปปิ้งทั้งออนไลน์และออฟไลน์: นักช้อปชอบที่จะมีสองตัวเลือก ดังนั้น การผสานช่องทางทั้งออนไลน์และออฟไลน์จะทำให้คุณเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่เกี่ยวข้องได้
  • แช็ตบอตที่เปิดใช้งาน AI กำลังเป็นที่นิยมมากขึ้น: บอตที่ชาญฉลาดเหมือนมนุษย์เหล่านี้สามารถช่วยจัดการงานทั้งแบบที่มีความเรียบง่ายและซับซ้อนได้ บอตจะเลียนแบบคำพูดของมนุษย์เพื่อสร้างความรู้สึกเกี่ยวข้องมากขึ้นในขณะให้การช่วยเหลือลูกค้า
  • ช่องทางที่มากขึ้นอาจหมายถึงการมีส่วนร่วมมากขึ้นด้วย: หากช่องทางที่มากขึ้นสามารถนำไปสู่การมีส่วนร่วมที่มากขึ้น และหากการมีส่วนร่วมที่มากขึ้นทำให้อัตราการซื้อและอัตราการรักษาลูกค้าสูงขึ้นด้วย ก็คงจะถึงเวลาที่จะเริ่มสร้างช่องทางเพิ่มเติมภายใต้กลยุทธ์แบบผสานรวมทุกช่องทางของคุณแล้ว
  • การเติบโตของปฏิสัมพันธ์ข้ามอุปกรณ์: ไม่น่าแปลกใจที่ลูกค้าจะใช้หน้าจอที่หลากหลาย อันที่จริง ลูกค้ามีการใช้อุปกรณ์หลายเครื่องในเวลาเดียวกันตลอดกระบวนการช้อปปิ้ง ข้อนี้เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องคำนึงถึงเมื่อสร้างกลยุทธ์การค้าและการทำตลาดซ้ำแบบออนไลน์
  • ห่วงโซ่อุปทานที่ทันสมัยและเทคโนโลยีใหม่ช่วยเพิ่มความเชื่อมโยงระหว่างร้านค้าออนไลน์และประสบการณ์แบบหน้าร้านจริง: เทคโนโลยี นวัตกรรม และระบบอัตโนมัติแบบใหม่ ทำให้ทุกคนและทุกสิ่งเชื่อมต่อกันได้มากขึ้น การใช้ประโยชน์จากโอกาสในการปฏิสัมพันธ์ที่ราบรื่นเหล่านี้คือหัวใจสำคัญที่ทำให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ดีกับแบรนด์ของคุณ ไม่ว่าลูกค้าจะพบคุณที่ใดก็ตาม

สรุป

ลูกค้ามีส่วนร่วมกับแบรนด์ของคุณผ่านช่องทางต่าง ๆ ทุกวัน แบรนด์ของคุณสามารถยกระดับความสัมพันธ์เหล่านั้นผ่านกลยุทธ์แบบผสานทุกช่องทาง กลยุทธ์การตลาดแบบผสานทุกช่องทางเป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งสำหรับแผนธุรกิจ และเป็นสิ่งสำคัญต่อการเติบโตระยะยาวในธุรกิจของคุณอีกด้วย เมื่อคุณเข้าใจคำจำกัดความ ความสำคัญ และข้อแตกต่างที่สำคัญระหว่างกลยุทธ์แบบผสานทุกช่องทางกับกลยุทธ์แบบหลายช่องทางแล้ว ก็ถึงเวลาที่จะนำความรู้เหล่านี้ไปปฏิบัติได้ เริ่มต้นกลยุทธ์ของคุณด้วยความช่วยเหลือจาก Amazon Ads