วิธีที่ผู้โฆษณาสามารถเชื่อมต่อกับนักช้อปด้วยการตลาดที่เน้นความอย่างยั่งยืน

“นี่เป็นข่าวดี และไม่ใช่แค่สำหรับแบรนด์ที่สนับสนุนโครงการริเริ่มและสินค้าเพื่อความยั่งยืนเท่านั้น แต่เป็นข่าวดีสำหรับเราทุกคน สำหรับโลกของเรา ลูกค้าของเรา และธุรกิจทั้งขนาดใหญ่และขนาดเล็ก” Westfall กล่าว

Amazon ก่อตั้ง The Climate Pledge โดยมุ่งมั่นที่จะลดคาร์บอนให้กลายเป็นศูนย์ภายในปี 2040 หรือ 10 ปีก่อนหน้าความตกลงปารีส โครงการดังกล่าวยังสนับสนุนให้ธุรกิจอื่นๆ เข้าร่วมกับ Amazon ในความพยายามอันแรงกล้าครั้งนี้ นอกจากนี้ Amazon ยังช่วยให้ลูกค้าค้นพบและซื้อสินค้าที่ยั่งยืนมากขึ้นอีกด้วย

“นี่คือเหตุผลที่ผมตื่นขึ้นมาทุกเช้า ผมได้ใช้เวลาหลายปีที่ Amazon ในการสร้างประสบการณ์เพื่อช่วยให้ลูกค้าประหยัดเวลาในขณะที่ช้อปปิ้งในร้านค้าของเรา ตอนนี้ผมได้รับแรงจูงใจในทุกวันในการที่จะช่วยลูกค้าอนุรักษ์โลกที่เป็นธรรมชาติของเราและดูแลโลกของเราให้ดียิ่งขึ้น” Westfall กล่าว

โครงการ Climate Pledge Friendly ทำให้นักช้อปสามารถซื้อสินค้าที่ยั่งยืนมากขึ้นบน Amazon ได้ง่ายยิ่งขึ้น โครงการนี้ทำงานร่วมกับการรับรองจากบุคคลที่สามที่เชื่อถือได้และใช้ Compact by Design ซึ่งเป็นการรับรองความยั่งยืนของ Amazon เอง เพื่อที่จะเน้นสินค้ามากกว่า 200,000 รายการที่เป็นไปตามมาตรฐานความยั่งยืนด้วยป้าย Climate Pledge Friendly ของ Amazon Westfall กล่าวว่านี่คือตัวอย่างของวิธีการที่แบรนด์และผู้นำด้านความยั่งยืนสามารถช่วยยกระดับจิตสำนึกด้านสิ่งแวดล้อม และช่วยให้ผู้บริโภคสามารถตัดสินใจซื้อสินค้าที่สอดคล้องกับค่านิยมของตน

Love Beauty and Planet กำลังสนับสนุนให้ผู้บริโภคทั่วโลกตัดสินใจซื้อสินค้าอย่างรอบคอบและยั่งยืนมากยิ่งขึ้น

ในฐานะแบรนด์การดูแลส่วนบุคคลระดับโลก สินค้าของ Love Beauty and Planet ได้รับการรับรองว่าเป็นมังสวิรัติและปราศจากการทดลองกับสัตว์ บนเว็บไซต์ของ Love Beauty and Planet อธิบายว่าบรรจุภัณฑ์ทั้งหมดทำจากวัสดุรีไซเคิล 100% และแบรนด์ได้มุ่งมั่นที่จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้กลายเป็นศูนย์ภายในปี 2030

แม้ว่าแบรนด์จะค่อนข้างใหม่โดยมีอายุประมาณแค่สามปี แต่ก็มีอยู่ในมากกว่า 40 ประเทศแล้ว และ Malhotra กล่าวว่า Love Beauty and Planet ได้เรียนรู้อย่างมากจากลูกค้าของตน

แบรนด์ได้พบว่าผู้บริโภคบางรายได้เริ่มทำการเปลี่ยนแปลงนิสัยในการซื้อของตนโดยการผสมผสานตัวเลือกสินค้าที่ยั่งยืนมากขึ้นเข้าไปด้วย Love Beauty and Planet มองว่าการเปลี่ยนแปลงของผู้บริโภคเหล่านี้เป็นโอกาสที่จะนำเสนอตัวเลือกเพิ่มเติมให้กับผู้บริโภคที่เดินไปบนเส้นทางแห่งความยั่งยืนของตนเอง

ตัวอย่างเช่น Love Beauty and Planet ได้ผลิตแชมพูและครีมนวดผมทูอินวันแบบก้อน ซึ่งเป็นตัวเลือกสินค้าดูแลเส้นผมที่ก่อให้เกิดของเสียน้อยที่ให้ทั้งความงามและประโยชน์ต่อโลกพร้อมทั้งประหยัดน้ำและน้ำหนักบรรจุภัณฑ์อีกด้วย สินค้าดังกล่าวมีการรับรอง Compact by Design ของ Amazon แต่สำหรับลูกค้าที่ชอบการดูแลเส้นผมในรูปแบบขวดแบบดั้งเดิมมากกว่า Love Beauty and Planet ยังมีสินค้า เช่น ขวดแชมพูและครีมนวดผมแบบรีฟิลอลูมิเนียม หรือขวดรีฟิลน้ำหนักเบาอีกด้วย ทางแบรนด์ยังเปิดตัวแชมพูครีมนวดผมสูตรเข้มข้นที่ช่วยประหยัดน้ำและพลาสติกลง 50% และเป็นโซลูชันที่มีคุณค่าสูงอย่างมากสำหรับร้านค้าปลีกออนไลน์

Love Beauty and Planet ไม่เพียงพัฒนาสินค้าที่คำนึงถึงทั้งโลกและลูกค้าเท่านั้น แต่ยังได้ใช้โซลูชันของ Amazon Ads เพื่อช่วยโฆษณาแบรนด์และพันธกิจของตนด้วย Malhotra ได้เล่าให้ฟังว่าแบรนด์มีแนวทางด้านการตลาดที่ครอบคลุม โดยการรับฟังผู้บริโภคทางออนไลน์และในชุมชนสื่อสังคมต่างๆ และนำข้อเสนอแนะดังกล่าวไปสู่ทีมงานวิจัยและพัฒนาของตน

นอกจากนี้ Malhotra ยังกล่าวว่าความโปร่งใสเป็นสิ่งสำคัญสำหรับแบรนด์ เมื่อปีที่แล้ว Love Beauty and Planet ได้เผยแพร่รายงานความก้าวหน้าด้านความยั่งยืนฉบับแรกที่บันทึกเรื่องราวความสำเร็จและข้อบกพร่องของตน รายงานดังกล่าวนำเสนอพื้นที่ของโอกาสสำหรับแบรนด์

เมื่อพูดถึงวิธีการที่แบรนด์อื่นๆ สามารถใช้การโฆษณาเพื่อโปรโมตแคมเปญและสินค้าที่ยั่งยืนมากขึ้น Malhotra กล่าวว่าสิ่งสำคัญสำหรับแบรนด์คือการเชื่อมต่อกับลูกค้าและรับฟังฟีดแบ็กจากลูกค้า เพื่อให้แบรนด์สามารถออกแบบสินค้าที่ดียิ่งกว่าเดิมและสื่อสารได้ดียิ่งขึ้น