ทำให้การเรียกดูภายในร้านค้าแบรนด์ง่ายขึ้นด้วยคอลเล็กชันสินค้า

นี่คือประโยชน์หลักของคอลเล็กชันสินค้าในร้านค้าแบรนด์:

• ทำให้การค้นหาสินค้าง่ายขึ้นด้วยสินค้าสูงสุด 60 รายการต่อคอลเล็กชัน
  
• สร้างคอลเล็กชันที่ไม่ซ้ำกันมากถึงห้าคอลเล็กชันในแต่ละหน้า
  
• รักษาการแสดงผลให้เป็นปัจจุบัน ด้วยการซ่อนสินค้าที่หมดสต็อกโดยอัตโนมัติ
  
• สร้างการมีส่วนร่วมกับผู้ซื้อด้วยภาพไลฟ์สไตล์ ชื่อคอลเล็กชัน และคำอธิบาย
• ลดความยุ่งยากในการตั้งค่าด้วยเครื่องมือสร้างสรรค์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI

1. ในตัวสร้างร้านค้าแบรนด์ เลือก "คอลเล็กชันสินค้า" ภายใต้เมนู "เพิ่มส่วนใหม่"
2. คลิก “เริ่มต้น” ภายใต้ “สร้างข้อความและรูปภาพด้วย AI”

3. เลือกสินค้าสูงสุดไม่เกิน 60 ชิ้น (แนะนำให้เลือกจำนวนน้อยเพื่อให้ลูกค้าโฟกัสได้ดีขึ้น) แล้วคลิกที่ตัวเลือก “ซ่อนสินค้าที่หมดสต็อก”
4. เลือกรายการที่เกี่ยวข้องซึ่งอยู่ในคอลเล็กชันของคุณ
5. เลือกสินค้าที่จะแสดงในรูปภาพที่สร้างโดย AI สินค้าแรกในรายการของคุณจะถูกเลือกโดยอัตโนมัติ หากต้องการเปลี่ยนแปลง ให้ลากสินค้าที่คุณต้องการไปที่ด้านบนของรายการ เลือกสินค้าที่มีพื้นหลังโปร่งใสเสมอเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
6. เลือกธีมภาพ ถ้ามี เพื่อให้เข้ากับฤดูกาลหรือสไตล์ที่ต้องการ
7. เมื่อพร้อมแล้ว ให้คลิกสร้าง เลือกตัวเลือกที่ต้องการ จากนั้นคลิก “เพิ่มลงในเพจ”
8. หลังจากเพิ่มแล้ว สามารถปรับแต่งได้โดยคลิกที่ไทล์ แล้วแก้ไขส่วนที่ต้องการ ซึ่งรวมถึงการครอบตัดภาพ แก้ไขข้อความ หรือปรับตำแหน่งตัวหนังสือ
9. คลิกเสร็จสิ้นและส่งเพื่อเผยแพร่เมื่อเสร็จสิ้น

อีกทางเลือกหนึ่งคือใช้ AI สร้างภาพของคุณ ในขณะที่ยังคงควบคุมข้อความด้วยตัวเองได้ แทนที่จะเลือก “สร้างข้อความและรูปภาพด้วย AI”:

1. ไปที่ “เพิ่มส่วนใหม่” และเลือกไทล์ “คอลเล็กชันสินค้า”
2. เลือก “สร้างภาพโดยใช้ AI” ในส่วนภาพ
3. เลือกสินค้าหนึ่งชิ้นที่มีพื้นหลังโปร่งใส
4. ตรวจสอบภาพที่สร้างขึ้นและคำอธิบายเสริม ปรับขนาดและปรับตำแหน่งสินค้าตามความจำเป็น
5. คลิก “บันทึกการเปลี่ยนแปลง” จากนั้นคลิก “เพิ่มรูปภาพ“
• เคล็ดลับมืออาชีพ: หลังจากเลือกภาพ AI ที่ต้องการแล้ว ให้คลิก “บันทึกภาพไปยังแอสเซทของชิ้นงานโฆษณา” การทำแบบนี้จะทำให้คุณใช้ภาพไทล์ภาพใดก็ได้บนร้านค้าแบรนด์ของคุณ เลือก “เลือกจากแอสเซทของชิ้นงานโฆษณา” และภาพ AI ของคุณจะพร้อมใช้งานที่ตรงนั้น
6. เพิ่มชื่อและคำอธิบายสำหรับคอลเล็กชันของคุณ คำอธิบายเป็นตัวเลือกที่ไม่บังคับ
7. เลือกสินค้าสูงสุดไม่เกิน 60 ชิ้น (แนะนำให้เลือกจำนวนน้อยเพื่อให้ลูกค้าโฟกัสได้ดีขึ้น) แล้วคลิกที่ตัวเลือก “ซ่อนสินค้าที่หมดสต็อก”
8. ปรับแต่งเค้าโครงของคุณและส่งเพื่อเผยแพร่

หมายเหตุ: ถ้าการสร้างภาพด้วย AI ไม่สามารถใช้ได้ในพื้นที่ของคุณ หรือคุณต้องการใช้รูปภาพที่กำหนดเอง ให้ทำตามขั้นตอนเดียวกันแต่ให้อัปโหลดภาพไลฟ์สไตล์ของคุณเองแทน

1. ใช้รูปภาพเพื่อแสดงภาพรวมของคอลเล็กชัน: รูปภาพของคอลเล็กชันควรช่วยให้นักช้อปเข้าใจว่าคอลเล็กชันของคุณประกอบด้วยอะไรบ้าง หลีกเลี่ยงการใช้ภาพที่อาจเข้าใจยากสำหรับนักช้อป และตรวจสอบว่าภาพแต่ละภาพทำงานได้ดีบนมือถือ การใช้ภาพที่สดใหม่และคุณภาพสูงเป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมในการสร้างความไว้วางใจจากนักช้อป และสื่อสารเกี่ยวกับคุณค่าของแบรนด์ได้มากขึ้น ใช้ AI เพื่อการปรับปรุงภาพและให้เป็นไปตามแนวทางที่กำหนด
   
2. เขียนข้อความโดยขึ้นต้นด้วยตัวพิมพ์ใหญ่: ตรวจสอบว่าชื่อคอลเล็กชันและคำอธิบายของคุณขึ้นต้นด้วยตัวพิมพ์ใหญ่ ซึ่งหมายความว่าเฉพาะอักษรตัวแรกและชื่อเฉพาะต่าง ๆ เท่านั้นที่เป็นตัวพิมพ์ใหญ่ หลีกเลี่ยงการใช้ตัวพิมพ์ใหญ่ทุกคำ ตัวพิมพ์ใหญ่อยู่ตรงกลาง หรือตัวพิมพ์เล็กทั้งหมด ใช้ความช่วยเหลือจาก AI สำหรับการเขียนข้อความโฆษณาและแรงบันดาลใจ
3. เน้นไปที่ประโยชน์: เน้นไปที่ประโยชน์และคุณสมบัติที่ทำให้แบรนด์ของคุณแตกต่างและมีคุณค่า หลีกเลี่ยงการใช้ชื่อสินค้าซ้ำ ละเว้นชื่อแบรนด์และคำจำพวก "ร้าน" หรือ "คอลเล็กชัน"
   
4. ใช้ภาษาส่งเสริมการขายทั่วไปเท่านั้น: ไม่อนุญาตให้ใช้คำกล่าวอ้าง เช่น "สินค้าขายดี" "สำหรับคุณโดยเฉพาะ" หรือ "อันดับสูงสุด" ในชื่อคอลเล็กชันสินค้า นอกจากนี้ ชื่อคอลเล็กชันสินค้าจะต้องไม่รวมข้อความเกี่ยวกับข้อเสนอพิเศษ ส่วนลด หรือความประหยัด เช่น "วันนี้เท่านั้น" "ช้าหมด" "ลด 20%" หรือการอ้างอิงที่เกี่ยวข้องกับ "ข้อเสนอพิเศษของ Amazon"
5. ทำให้สินค้าสามารถช้อปได้: คลิกตัวเลือก “ซ่อนสินค้าที่หมดสต็อก” เพื่อให้นักช้อปเห็นเฉพาะสินค้าที่ซื้อได้เท่านั้น สินค้าที่ไม่สามารถซื้อหรือสั่งซื้อล่วงหน้าได้จะไม่แสดง

1. สร้างคอลเล็กชันสำหรับข้อเสนอพิเศษ: ผู้ซื้อมักจะสำรวจ Amazon เพื่อดูข้อเสนอพิเศษใหม่ ๆ ไม่ว่าข้อเสนอหลักจะเป็นไปตามฤดูกาลหรือนำไปสู่งานกิจกรรมการช้อปที่สำคัญ การใส่ไว้ในคอลเล็กชันอาจเป็นวิธีที่ดีในการมีส่วนร่วมกับนักช้อป เพิ่มสินค้าทั้งหมดหรือบางส่วนพร้อมข้อเสนอพิเศษลงในคอลเล็กชันใหม่ด้วยตนเอง เพื่อให้สามารถแสดงในร้านค้าแบรนด์หรือหน้าดีลโดยเฉพาะ อย่างไรก็ตาม โปรดตรวจสอบนโยบายโฆษณาของเรา เนื่องจากชื่อคอลเล็กชันและข้อความไม่สามารถพูดถึงข้อเสนอพิเศษได้โดยตรง
   
2. เน้นความหลากหลายของแค็ตตาล็อก: หากคุณมีสินค้าที่กระจายอยู่ในหมวดหมู่หรือสไตล์ที่แตกต่างกัน ให้ลดการต่อต้านของนักช้อปด้วยการสร้างคอลเล็กชันที่มุ่งเน้นสินค้าชุดใดชุดหนึ่งโดยเฉพาะ วิธีนี้จะช่วยให้ผู้ซื้อพิจารณาสินค้าหลายรายการจากแบรนด์ของคุณโดยไม่ต้องเลื่อนดูเนื้อหาที่อาจไม่เกี่ยวข้อง
3. จัดกลุ่มสินค้าตามความสนใจ: การใช้คอลเล็กชันเพื่อเน้นสินค้าเพิ่มเติมโดยเฉพาะ ตามความสนใจในการช้อปสามารถสร้างแรงบันดาลใจให้กลุ่มเป้าหมายและส่งเสริมการมีส่วนร่วมกับร้านค้าแบรนด์ได้มากขึ้น สำหรับแต่ละคอลเล็กชัน คุณยังสามารถใช้ภาพไลฟ์สไตล์เพื่อจัดแสดงการใช้งานสินค้าของคุณได้อีกด้วย เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อกำหนดที่จำเพาะเจาะจงกับโฆษณาในหลักเกณฑ์เกี่ยวกับนโยบายโฆษณาของเรา
   
4. นำเสนอสินค้าใหม่: โฆษณาสินค้าใหม่ล่าสุดในแค็ตตาล็อกของคุณเพื่อสร้างการมีส่วนร่วมอีกครั้งกับกลุ่มเป้าหมายที่กลับมาใหม่ และให้ข้อมูลสิ่งที่แบรนด์ของคุณนำเสนอแก่นักช้อปที่เพิ่งเข้ามาเป็นครั้งแรก คอลเล็กชันสินค้ามาใหม่ช่วยให้นักช้อปทราบว่าแบรนด์ของคุณกำลังเติบโตและร้านค้าแบรนด์เป็นสถานที่สำหรับค้นหาข้อเสนอล่าสุด
   
5. โฆษณาสินค้าขายดี: การแสดงคอลเล็กชันสินค้าขายดีที่สุดในร้านค้าแบรนด์จะคล้ายกับการแสดงข้อเสนอพิเศษ โดยสามารถกระตุ้นให้ผู้เยี่ยมชมใช้ฟีเจอร์ต่าง ๆ เช่น ดูอย่างรวดเร็วและปุ่มเพิ่มในรถเข็น ซึ่งจะช่วยเพิ่มยอดขายและจำนวนการเข้าชมซ้ำ

แหล่งที่มา

1. * การสร้างภาพพร้อมให้บริการแก่ผู้โฆษณาในสหรัฐอเมริกา แคนาดา เม็กซิโก สหราชอาณาจักร เยอรมนี ฝรั่งเศส อิตาลี สเปน อินเดีย สวีเดน เนเธอร์แลนด์ โปแลนด์ เบลเยียม ญี่ปุ่น และออสเตรเลีย