คุณภาพของข้อมูลสินค้าและหน้ารายละเอียดสินค้าสามารถมีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อประสิทธิภาพการโฆษณาและยอดขายของคุณ
ลองพิจารณาทำตามขั้นตอนสองสามขั้นเหล่านี้ก่อนสร้างแคมเปญโฆษณา sponsored ชิ้นแรกของคุณ
เลือกสินค้าที่แสดงข้อเสนอเด่น | สร้างชื่อสินค้าที่ทรงพลัง | รวมหัวข้อย่อยหลายหัวข้อในหน้ารายละเอียดสินค้าของคุณ สร้างคำอธิบายสินค้าที่เป็นประโยชน์และมีรายละเอียด | แสดงรูปภาพสินค้าที่มีคุณภาพสูงและซูมได้
1. เลือกสินค้าที่แสดงข้อเสนอเด่น
ข้อเสนอเด่นเป็นส่วนหนึ่งของหน้ารายละเอียดสินค้าที่ทำให้ลูกค้าสามารถเพิ่มสินค้าลงในรถเข็นหรือซื้อได้ทันที เมื่อผู้ขายหลายรายนำเสนอสินค้าที่เหมือนกัน Amazon รวมข้อเสนอลงในหน้ารายละเอียดสินค้าหนึ่งหน้า เพื่อให้เราสามารถนำเสนอประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้ลูกค้าได้
ในการโฆษณาด้วยโฆษณา sponsored สินค้าของคุณต้องมีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะเป็นข้อเสนอเด่น นอกเหนือจากนั้น เราขอแนะนำให้เลือกสินค้าที่แสดงข้อเสนอเด่นเป็นประจำเพื่อช่วยเพิ่มการมองเห็นและยอดขายของคุณให้มากที่สุด คุณสามารถดูรายงานธุรกิจใน Seller Central หรือ Vendor Central เพื่อดูว่าสินค้าของคุณเป็นข้อเสนอเด่นบ่อยเพียงใดได้
คุณจะทำให้กลายเป็นข้อเสนอเด่นได้อย่างไร
การทำตามขั้นตอนเหล่านี้อาจช่วยเพิ่มโอกาสของคุณ

- ตั้งราคาสินค้าของคุณให้สมเหตุสมผล
- รีวิวสินค้าคงคลังของคุณ
- เสนอตัวเลือกการจัดส่งหลายแบบ และจัดส่งฟรีหากเป็นไปได้
- เสนอการบริการลูกค้าที่ดีเยี่ยม ซึ่งสามารถช่วยสร้างการจัดอันดับและรีวิวในเชิงบวก
“คำแนะนำที่ผมจะมอบให้กับ [พาร์ทเนอร์ผู้ขาย] บน Amazon นั่นก็คือ อันดับแรก ตรวจสอบให้แน่ใจว่าสินค้าของคุณพร้อมสำหรับการค้าปลีกอย่างสมบูรณ์แล้ว สละเวลาของคุณเพื่อสร้างรายการสินค้าทั้งหมด ชื่อชัดเจนตรงไปตรงมา รูปภาพมากมาย หัวข้อและคำอธิบายรายละเอียดสินค้าข้อมูลครบถ้วน"
-Sean ผู้โฆษณาจากสหรัฐ
2. สร้างชื่อสินค้าที่ทรงพลัง
ให้คิดว่าชื่อสินค้าของคุณเป็นวิธีสร้างความประทับใจแรกให้กับนักช้อป ชื่อจะปรากฏอย่างเด่นชัดในชิ้นงานโฆษณา sponsored ของคุณ และไม่ต้องพูดถึงในหน้ารายละเอียดสินค้าของคุณเลยว่าจะเด่นชัดขนาดไหน ชื่อที่ให้ข้อมูลและอ่านง่ายโดยมีความยาวประมาณ 60 ตัวอักษร ช่วยให้นักช้อปทราบข้อเท็จจริงสำคัญเกี่ยวกับสินค้าของคุณได้อย่างรวดเร็ว และสามารถช่วยกระตุ้นให้นักช้อปคลิกโฆษณาและเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับรายการสินค้าของคุณ
สิ่งที่คุณควรมีอยู่ในชื่อสินค้าของคุณ ควรพิจารณาสิ่งต่อไปนี้:

- แบรนด์
- ไลน์สินค้า
- วัสดุหรือคุณสมบัติสำคัญ
- ปริมาณ
- ประเภทสินค้า
- ขนาด
- บรรจุภัณฑ์
- สี

ต่อไปนี้คือตัวอย่างของการตั้งชื่อสินค้า
สมมติว่าแบรนด์ KitchenSmart ขายเครื่องชงกาแฟเอสเพรสโซ และพวกเขาตั้งชื่อสินค้าดังนี้: เครื่องชงกาแฟเอสเพรสโซยี่ห้อ KitchenSmart รุ่น SmartEspresso สีเงิน (15’’)
KitchenSmart [แบรนด์] SmartEspresso [ไลน์สินค้า]
เงิน [วัสดุ] เครื่องชงกาแฟเอสเพรสโซ (15”) [ชนิดสินค้า ความสูง]
3. รวมหัวข้อย่อยหลายหัวข้อในหน้ารายละเอียดสินค้าของคุณ
เมื่อนักช้อปคลิกที่โฆษณาของคุณและไปยังหน้ารายละเอียดสินค้า คุณต้องการให้คำแนะนำที่จำเป็นแก่พวกเขาสำหรับการตัดสินใจซื้ออย่างมีข้อมูล วิธีการหนึ่งที่ทำให้เป็นแบบนั้นได้ก็คือ การระบุหัวข้อย่อยอย่างน้อยสามหัวข้อที่ให้ภาพรวมอย่างชัดเจนเกี่ยวกับคุณสมบัติที่สำคัญของสินค้าของคุณ กล่าวคือ เนื้อหา การใช้งาน ขนาด ข้อควรพิจารณาในการใช้งาน การจำกัดอายุ ระดับทักษะ และประเทศต้นทาง ล้วนเป็นประเด็นสำคัญในการพิจารณา
ใช้เคล็ดลับเหล่านี้เพื่อสร้างหัวข้อย่อยของคุณ

- เริ่มต้นด้วยอักษรตัวใหญ่
- จัดรูปแบบในลักษณะของกลุ่มคำ (อย่าใช้เครื่องหมายวรรคตอนปิดท้าย)
- พูดย้ำข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับชื่อและคำอธิบาย หากมีอยู่
- หลีกเลี่ยงข้อมูลโปรโมชั่นหรือการกำหนดราคา
- เสนอการบริการลูกค้าที่ดีเยี่ยม ซึ่งสามารถช่วยสร้างการจัดอันดับและรีวิวในเชิงบวก
มาดูกันว่า KitchenSmart อาจเขียนหัวข้อย่อยสำหรับเครื่องชงกาแฟเอสเปรสโซได้อย่างไรบ้าง:

- เครื่องชงกาแฟเอสเพรสโซอัตโนมัติเต็มรูปแบบ [เนื้อหา]
- บดเมล็ดกาแฟ ชงเครื่องดื่มพิเศษ และเตรียมฟองนม [การใช้งาน]
- ทำงานได้โดยการกดเพียงปุ่มเดียว [ข้อควรพิจารณาในการใช้งาน]
- ผลิตในประเทศอิตาลี [ประเทศต้นกำเนิด]
- 10" x 17" x สูง 15" [ขนาด]
4. สร้างคำอธิบายสินค้าที่เป็นประโยชน์และมีรายละเอียด
สำหรับคำอธิบายสินค้าของคุณนั้น คุณสามารถข้ามข้อมูลคุณสมบัติพื้นฐานที่รวมอยู่ในหัวข้อย่อยแล้ว แต่ให้รวมข้อมูลประโยชน์ของสินค้า การใช้งาน และข้อเสนอด้านคุณค่าเข้าไปได้
คุณควรเขียนคำอธิบายสำหรับสินค้าของคุณเสมอ เนื่องจากเป็นแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุด
ทำให้คำอธิบายของคุณเป็นเหมือนการเล่าเรื่องสั้น ๆ: ใช้ประโยคที่สมบูรณ์ ตรวจสอบการสะกดคำและไวยากรณ์ เขียนให้กระชับแต่ให้ข้อมูลครบถ้วน และใช้โทนประโยคที่ไม่เหมือนใครในแบบของแบรนด์คุณ ข้อความที่ถูกต้องและสร้างการมีส่วนร่วมช่วยสร้างประสบการณ์การช้อปปิ้งในเชิงบวก ซึ่งจะช่วยเปลี่ยนจากการคลิกโฆษณาเป็นการซื้อได้

ในการเขียนคำอธิบายสำหรับเครื่องชงกาแฟเอสเพรสโซดังกล่าว KitchenSmart จะใช้โอกาสนี้ในการแสดงให้นักช้อปเห็นว่าอะไรที่ทำให้สินค้าของตนมีความพิเศษ (และแบรนด์น่าสนใจอย่างไร):
สัมผัสการชงกาแฟสไตล์คาเฟ่ได้ที่บ้านภายในเวลาไม่กี่นาที ผสมผสานการออกแบบที่ทันสมัยกับงานฝีมือในสไตล์อิตาเลียนคลาสสิก เครื่องชงกาแฟเอสเพรสโซ่ SmartSpresso ใช้งานง่าย ทำความสะอาดง่าย และช่วยชงเครื่องดื่มเอสเพรสโซที่มีรสชาติเข้มข้นได้ทุกเมื่อที่คุณต้องการ (เช้า บ่าย เย็น หรือทั้งสามช่วงเวลา) ระบบนมที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะจะผสมนมและอากาศในช่องทำฟองนมที่มีอยู่ในตัว ช่วยเพิ่มชั้นโฟมที่ทุกคนต้องชื่นชอบให้กับคาปูชิโน่หรือลาเต้ของคุณ ตัวเครื่องทำจากวัสดุสีเงินสวยงามช่วยเติมเต็มความสวยหรูให้กับทุกห้องครัว นำเข้า
5. แสดงรูปภาพสินค้าที่มีคุณภาพสูงและซูมได้
เมื่อลูกค้าเรียกดูหน้ารายละเอียดสินค้าของคุณ รูปภาพสามารถช่วยดึงดูดความสนใจของพวกเขาและให้ความรู้เกี่ยวกับสิ่งที่คุณนำเสนอ ใส่รูปภาพอย่างน้อยสี่ภาพที่แสดงสินค้าของคุณจากมุมต่าง ๆ เน้นรายละเอียดและคุณสมบัติสำคัญ และแสดงให้เห็นถึงวิธีการใช้งาน

ตรวจสอบให้แน่ใจว่ารูปภาพของคุณวางอยู่บนพื้นหลังสีขาวล้วน และสินค้าของคุณครอบคลุมพื้นที่รูปภาพอย่างน้อย 80% นอกจากนี้ คุณควรสร้างรูปภาพให้มีความสูงหรือความกว้างอย่างน้อย 1,000 พิกเซลด้วย การปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านขนาดขั้นต่ำนี้จะทำให้สามารถใช้งานฟังก์ชันการซูมบน Amazon ได้ ทำให้ลูกค้าได้ดูสินค้าของคุณอย่างใกล้ชิดและอาจช่วยให้คุณมียอดขายเพิ่มมากขึ้น
"เมื่อคุณสร้างรายการสินค้า นั่นคือคุณกำลังสร้างเรื่องราวของแบรนด์หนึ่ง ตลอดจนเรื่องราวของสินค้าหนึ่งด้วย เพราะว่าบน Amazon ผู้คนซื้อสินค้าด้วยการดูที่ตัวสินค้าก่อน [พวกเขา] มองที่ภาพ ดูที่ชื่อ แล้วดูว่านี่คือสิ่งที่ [พวกเขา] ต้องการที่จะซื้อหรือไม่ บนหน้ารายละเอียด นี่เป็นห้วงเวลาสำหรับ [ผู้ขาย] ที่จะทำให้ลูกค้าทราบว่าทำไมพวกเขาจึงควรต้องซื้อสินค้านี้ สื่อสารเรื่องราวดี ๆ กับลูกค้า”
—David ผู้โฆษณาจากสหรัฐ