วิธีที่นักการตลาดขับเคลื่อนประสิทธิภาพและลดต้นทุนด้วยความช่วยเหลือของ Amazon DSP

ค้นพบว่า Amazon DSP ออกแบบมาเพื่อช่วยให้นักการตลาดบรรลุเป้าหมายธุรกิจ ปรับปรุงประสิทธิภาพ และลดต้นทุนได้อย่างไร

ก่อนเกิดภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน นักการตลาดรู้สึกถึงแรงกดดันที่จะต้องทำสิ่งต่าง ๆ ให้ได้มากขึ้นโดยใช้เงินน้อยลง แต่ตอนนี้ จากการสำรวจของ CMO อัตราเงินเฟ้อและการมองโลกในแง่ดีที่ลดลงทำให้ 42% ของบริษัทในสหรัฐฯ ลดงบประมาณด้านการตลาดของตนในปี 2023

ดังนั้น การใช้จ่ายทุกดอลลาร์อย่างระมัดระวังในปีที่แล้ว ทำให้ปีนี้ สำคัญยิ่งขึ้นไปอีก

ที่ Amazon Ads เรามุ่งเน้นการช่วยให้ลูกค้าทำงานย้อนกลับจากผลลัพธ์ทางธุรกิจ และนั่นมีอิทธิพลต่อทุกสิ่งที่เราทำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเป็นเรื่องของ Amazon DSP ในความเป็นจริง การปรับปรุงกลยุทธ์ล่าสุดด้านการประมูล ความถี่ และการกำหนดราคา ตลอดจนการเพิ่มความสามารถในการระบุตำแหน่งได้ช่วยให้ผู้โฆษณาที่มีคุณสมบัติเหมาะสมบรรลุวัตถุประสงค์ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ไม่ว่าผู้โฆษณานั้นจะขายสินค้าบน Amazon หรือไม่ก็ตาม

วันนี้ Amazon DSP ไม่ได้เป็นเพียงทางเลือกสำหรับนักการตลาดที่ต้องการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย Amazon ในช่องทางที่ Amazon เป็นเจ้าของเท่านั้น แต่เป็นแพลตฟอร์มด้านอุปสงค์ขององค์กรสำหรับนักการตลาดที่ต้องการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่เหมาะสม ไม่ว่าพวกเขาจะอยู่ที่ไหน ให้มีประสิทธิภาพมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้และได้รับประโยชน์สูงสุดจากค่าโฆษณา

ต่อไปนี้เป็นวิธีการสามวิธีที่ Amazon DSP ช่วยให้นักการตลาดทำเช่นนั้นได้

สำหรับทุกแคมเปญที่ทำงานบน Amazon DSP โมเดลแมชชีนเลิร์นนิงที่ขับเคลื่อนโดย Amazon Web Services จะทำการทดสอบและปรับให้เหมาะสมอย่างต่อเนื่อง ช่วยให้ลูกค้าของเราเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายในอุดมคติได้ดีขึ้นและบรรลุผลการคาดการณ์ประสิทธิภาพโฆษณาที่ดีขึ้น และที่สำคัญที่สุดคือช่วยให้ผู้โฆษณาบรรลุเป้าหมายแคมเปญของตน

แบรนด์ต่าง ๆ ในทุกประเภทธุรกิจได้รับการปรับปรุงประสิทธิภาพอย่างมีนัยสำคัญในไตรมาสที่ 4 ปี 22 ซึ่งเกี่ยวข้องโดยตรงกับการอัปเดตโครงสร้างพื้นฐานดังกล่าว การปรับปรุงเหล่านี้รวมถึง ผลตอบแทนจากการจ่ายค่าโฆษณาเพิ่มขึ้น 34% และอัตราการคลิกต่อจำนวนการมองเห็นเพิ่มขึ้น 12.6%¹

เนื่องจากจำเป็นต้องทำสิ่งต่าง ๆ ให้ได้มากขึ้นโดยใช้เงินน้อยลง สิ่งสำคัญคือต้องเน้นย้ำว่าการปรับปรุงเหล่านี้เป็นประโยชน์ต่อผู้โฆษณาทั้งหมดของเรา โดยไม่มีค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมหรือการทำงานเพิ่มเติมโดยทีมดำเนินการแคมเปญ ซึ่งหมายความว่าลูกค้าของเราเห็นผลลัพธ์เหล่านี้โดยไม่ต้องจ่ายเงินค่าสัญญาณจากบุคคลที่สามและการปรับให้เหมาะสมด้วยตนเอง หรือลงทุนด้านเวลาหรือการเงินเพิ่มเติมเพื่อใช้ประโยชน์จากข้อมูลเชิงลึกของตนเอง

การตลาดตามสัญญาณของเราช่วยให้ Amazon DSP สามารถจับคู่ข้อความที่ใช่กับกลุ่มเป้าหมายที่เหมาะสม ในเวลาที่เหมาะสม และตอนนี้ยังครอบคลุมถึงกลุ่มเป้าหมายที่ก่อนหน้านี้ไม่สามารถระบุที่อยู่ได้ สิ่งนี้เกิดขึ้นได้บน Amazon DSP ผ่านการใช้สัญญาณตามอีเว้นต์และสัญญาณตามบริบท ซึ่งช่วยให้เทคโนโลยีของเราสามารถคาดการณ์ความสนใจในช่วงเวลานั้นของกลุ่มเป้าหมายได้ โดยไม่สูญเสียการเข้าถึง ความเกี่ยวข้อง หรือประสิทธิภาพของโฆษณา

กลุ่มเป้าหมายเหล่านั้นไม่เพียงแต่เข้าถึงได้บนสินค้าและบริการของ Amazon เท่านั้น อันที่จริง การอัปเกรดเป็น Amazon DSP ส่งผลอย่างมากต่อความสามารถในการระบุที่อยู่สินค้าคงคลังที่ไม่ใช่ Amazon โดยรวมแล้ว ด้วยการปรับปรุงเหล่านี้ ลูกค้าของเราพบว่าความสามารถในการระบุที่อยู่เพิ่มขึ้น 20% ถึง 30% ในพื้นที่โฆษณาซึ่งก่อนหน้านี้ไม่สามารถระบุที่อยู่ได้ เช่น Safari, Firefox และ iOS²

Amazon DSP ใช้แมชชีนเลิร์นนิงเพื่อหาโอกาสในการโฆษณาที่เหมาะสมและไม่เหมาะสมกับผู้โฆษณา ดังนั้นเราจึงลดต้นทุนให้กับลูกค้าของเราในขณะที่ให้ผลตอบแทนสูงขึ้น เนื่องจากแมชชีนเลิร์นนิงของเรามี "ความเข้าใจ" ดีขึ้นว่าควรซื้ออะไรและเมื่อใด ทั้งยังเข้าใจต้นทุนที่เหมาะสมที่สุดของตำแหน่งโฆษณาแต่ละตำแหน่ง

และผลลัพธ์ที่ได้เป็นเครื่องพิสูจน์: โดยไม่ต้องดำเนินการใด ๆ ผู้โฆษณา Amazon DSP ในประเภทธุรกิจต่าง ๆ พบว่าต้นทุนต่อคลิกเพิ่มขึ้น 24.7% หลังจากเปิดตัวการปรับปรุงในปี 2022³

ไม่ว่าเศรษฐกิจจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร นักการตลาดจะพยายามจัดสรรค่าใช้จ่ายการโฆษณาให้มีประสิทธิภาพมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ นั่นเป็นเหตุผลที่ตอนนี้ถึงเวลาที่จะสัมผัสประสบการณ์ว่า Amazon DSP สามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพงบประมาณได้อย่างไร ไม่ว่าผู้โฆษณาจะจำหน่ายบน Amazon หรือไม่